Page 18 - 01-06-62
P. 18

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter



              เทคนิคการหายใจส�าหรับการวิ่ง

              เป็นวิธีการควบคุมลมหายใจในขณะการวิ่งออกก�าลังกาย หรือวิ่งในระยะไกลๆ  เพราะจะช่วยให้นักวิ่งมีสมรรถนะที่ดีขึ้น
       ควรฝึกให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรก  เพราะถ้าปฏิบัติแบบใดมาก็จะเคยชินและเปลี่ยนแปลงค่อนข้างยาก การหายใจควรหายใจเข้า

       ทางจมูกและปล่อยลมหายใจออกพร้อมกันทั้งทางจมูกและปาก  การหายใจอย่างถูกวิธีช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น
       ส่งผลให้ระบบการท�างานต่างๆ ของร่างกายท�างานได้ดีขึ้น ท�าให้การวิ่งของเรามีคุณภาพดีขึ้น คือสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น นานขึ้น
       การหายใจมีด้วยกัน ๒ แบบดังตาราง

                          ตารางเปรียบเทียบการหายใจด้วยกล้ามเนื้อซี่โครงและกล้ามเนื้อกระบังลม

                      กล้ามเนื้อ             การหายใจเข้า         การหายใจออก                    สิ่งที่เกิด

             กล้ามเนื้อซี่โครง            หน้าอกจะขยายตัว          หน้าอกจะยุบ และหน้าท้อง        วิ่งเร็วๆและวิ่งนานๆ
             (Chest Breathing)            และหน้าท้องจะยุบ         ขยายตัวหรือพองออก               จะจุกเสียดชายโครงได้ง่าย


             กล้ามเนื้อกระบังลม          หน้าท้องจะพองหรือ         หน้าท้องหรือพุงจะยุบ        ไม่จุกเสียดชายโครง
               (Abdominal Breathing)                                                      ถ้าวิ่งนานๆ
                                                 ขยายตัว (พุงป่อง)

              การหายใจควรเป็นไปโดยธรรมชาติ หายใจเข้าออกผ่านจมูก ถ้าอยู่ในช่วงที่ฝึกความเร็วอาจฝึกหนักถึง ๘๐-๙๐ % ของอัตรา
       เต้นสูงสุดของหัวใจ  อาจจ�าเป็นต้องหายใจผ่านปากด้วย  แต่ถ้าเป็นการวิ่งปกติแล้วยังหายใจไม่ค่อยทันแสดงว่าวิ่งเร็วเกินไป  ต้องผ่อน
       หรือลดความเร็วลง  ตามปกติถ้าวิ่งไปได้สักพัก  จังหวะการหายใจจะปรับเข้ากับจังหวะการวิ่งเอง  ซึ่งจะเป็นช่วงจังหวะที่เรารู้สึกลงตัว

       และสบาย
       การเตรียมความพร้อมก่อนวิ่ง

              - สิ่งที่ต้องน�ามาพิจารณาคือ ความหนัก ความนาน และความบ่อยของการฝึกวิ่ง
              - ให้เริ่มฝึกจาก เบา ไป หนัก / น้อย ไป มาก

              - ใช้เวลาอย่างน้อย ๔๕ นาทีขึ้นไป ต่อครั้ง
              - ควรฝึกอย่างน้อย ๓ วันต่อสัปดาห์

              - ระหว่างฝึกวิ่ง ควรควบคุมชีพจรให้อยู่ระหว่าง ๖๕-๘๕ % ของชีพจรสูงสุด  (ชีพจรสูงสุด = ๒๒๐ – อายุ)
              - การอบอุ่นร่างกายต้องท�าทั้งก่อนวิ่งและการผ่อนคลายร่างกายหลังวิ่ง  ครั้งละประมาณ ๔-๕ นาที โดยวิ่งเหยาะๆ
       ด้วยความเร็วที่น้อยกว่าที่ใช้วิ่งจริง พร้อมท�ากายบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย

              เทคนิคการฝึกซ้อมไตรกีฬาจากแชมป์โลก แยน โฟรเดโน่ (แชมป์ Ironman World  Championship ปี ๒๐๑๕ และ ๒๐๑๖)
       คือหาแรงบันดาลใจในการฝึกซ้อมทุกวันที่เขาซ้อม เมื่อร่างกายเหนื่อยล้า เขามักจะนึกถึงแรงบันดาลใจในเรื่องการชนะการแข่งขัน

       ของเขาเสมอและต้องให้ความส�าคัญกับสิ่งเหล่านี้คือ
              - ความต่อเนื่องในการฝึกซ้อม  เป็นสิ่งที่ส�าคัญที่สุดในการฝึกซ้อมไตรกีฬาคือ ซ้อมน้อยแต่ซ้อมทุกวัน ดีกว่านานๆ ซ้อม
       ครั้งหนึ่งแต่ซ้อมหนัก

              - ความเข้มข้นในการซ้อมของนักไตรกีฬาแต่ละคน จะซ้อมหนักไม่เท่ากัน หาจุดลงตัวให้พบว่าเราสามารถซ้อมได้หนักขนาด
       ไหนในแต่ละครั้งที่ซ้อม  ทุกครั้งให้เน้นที่คุณภาพในการฝึกซ้อมโดยเลือกความเข้มข้นในการซ้อมที่เหมาะสมกับตัวเอง

              -  ระยะเวลาที่ใช้ในการซ้อม  จะมากหรือน้อย  ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน  แต่ละคนแข็งแรงไม่เท่ากันและร่างกาย
       ของนักไตรกีฬาแต่ละคนมีความแตกต่างกันเรื่องของการพัฒนาการ  ต้องดูว่ามีความพร้อมในการรับโหลดของการซ้อมได้ระดับไหน
       กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์

              -  แบ่งเป้าหมายการซ้อมเป็นเป้าหมายย่อยๆ  มุ่งเป็นการซ้อมให้ส�าเร็จไปทีละขั้นทีละตอน  เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายใหญ่ของ
       นักกีฬาแต่ละคน
                                                                                                อ่านต่อฉบับหน้า


        หน้า ๑๔    ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๑   เล่มที่ ๖ เดือน มิถุนายน  พ.ศ.๒๕๖๒
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23