Page 19 - 01-06-62
P. 19

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter


                      Little
                      Little







                           US.
                           US.





                                                  BY พี่แซม     ศิษฏ์ชายชล  สุทธิพงศ์  MBA  RN



                   มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในแต่ละวันไม่ซ�้ากันเลย  สามารถน�าพาไปในที่ต่างๆ  ในขอบเขตของมลรัฐนั้นๆ  ได้

           ระยะหลังๆ นี้ มีผู้คนพูดคุยกันหนาหู (talk of the town)  การได้และการน�ามาใช้ต้องมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ (reliable
           ท่านเดาออกไหมว่าเป็นเรื่องอะไรจะใกล้ตัวก็ไม่ใช่ (not too  source)  มีใบอนุญาตในการปลูก  การผลิต  เพื่อจัดจ�าหน่าย

           close) จะไกลตัวก็ไม่เชิง (not too far) เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ การขนส่ง การใช้ยาฆ่าแมลง (insecticide) การใช้ยาเร่งการ
           กันตอนนี้  ก็คือ  เรื่องกัญชาเพื่อใช้ในการแพทย์  (medical  เจริญเติบโต (growth  stimulation) ยาฆ่าเชื้อรา (fungicide)

           marijuana) กันชง (hemp) น้องกัญชา กระท่อม (Kratom)  ต้องมีการตรวจสอบผลสารตกค้าง (residual substance) เช่น
           หลานกัญชา หรืออย่างไรประมาณนั้น เหล่านี้เป็นสารเสพติด  สารโลหะหนักและฮอร์โมนที่ยังติดค้างอยู่ในผลผลิตกัญชาแห้ง
           (narcotic) ที่เป็นสิ่งร้าย บั่นทอนความคิด และการเจริญเติบโต ข้อก�าหนดรายละเอียดต่างๆ มากมาย ซึ่งทางราชการจึงต้องมี

           ของร่างกาย สุขภาพจิตเสื่อมโทรม หรือเป็นสิ่งดีเกิดประโยชน์ กฎหมายที่รัดกุมและเข้มงวด มีบทลงโทษอย่างชัดเจน และเอาจริง
           กับมวลมนุษย์ทั้งหลาย ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย (pros and  เอาจัง ต่อผู้ฝ่าฝืน (violators)

           cons) อยู่ในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะน�ามาใช้ให้ถูกต้อง         ในเรื่องของการใช้กัญชาในทางการแพทย์และต่อมา
           เหมาะสม  เพื่อประโยชน์ของสังคมแต่ละกลุ่ม  แต่ละประเทศ  น�ากัญชามาใช้ในเรื่องของสันทนาการ (recreational marijuana)
           ดังนั้นคราวนี้ก็เลยอยากจะมาขยายความเพิ่มเติม  จากครั้งก่อน  นั้น มีข้อมูลที่จะน�ามาเล่าสู่กันฟังดังนี้ คือ ในอดีตที่ผ่านมาของ

           (ฉบับเดือน มีนาคม ๒๕๖๒) ที่คุยเรื่องกัญชา (Cannabis) ไว้  อเมริกานั้น  มลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นมลรัฐแรก  ที่ออกกฎหมาย
                   ในประเทศอเมริกาปัจจุบันนั้นมีความเคลื่อนไหว เพื่อการน�ากัญชาใช้ทางการแพทย์ในปี 1996  หลังจากนั้นก็มี

           อย่างมาก ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 40 มลรัฐในประเทศ มีกฎหมาย การใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ทางราชการก็ได้ศึกษาดูผลดี และ
           แห่งรัฐ (state law) อนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้  ผลเสียของการใช้กัญชาในทางการแพทย์เป็นระยะเวลานาน
           แต่กฎหมายรัฐบาลกลาง (federal law) ยังคงยืนหยัด และยัง ก่อนที่จะอนุญาต ให้มีกฎหมายการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการในปี

           ไม่ออกกฎหมายคุ้มครองการมีกัญชาไว้เพื่อเสพ หรือรักษาโรค  2016 แต่มีผลบังคับใช้จริงในปี 2018  จะเห็นได้ว่าเป็นระยะ
           ซึ่งมันขัดแย้ง (conflict) กับกฎหมายที่ออกในแต่ละรัฐ ดังนั้น เวลาประมาณ 20 ปี หลังจากมีการใช้เพื่อรักษาทางการแพทย์

           จึงมีความสับสนและผลบังคับใช้  การเข้มงวดในเรื่องกฎหมาย และมาอนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างเสรี  ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ  ง่ายๆ
           อย่างเหนียวแน่น มีผลลงโทษอย่างรุนแรง จ�าคุก และไหมปรับ ชีวิตของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน การรักษาที่มีคุณค่า มีคุณภาพ
           กับผู้ที่ฝ่าฝืน  รัฐบาลกลางก็ยังถือว่ากัญชาเป็นสารเสพติด จึงท�าให้ใช้เวลานาน การพิจารณาข้อดีข้อเสียมากมาย และจึงได้

           ประเภทหนึ่ง ซึ่งประชาชนไม่สามารถครอบครองไว้ได้ ส่วนใน น�ามาใช้ทั่วไปอย่างเสรี
           มลรัฐ 40 กว่ารัฐที่ออกกฎหมายเพื่อใช้ในการแพทย์นั้น คนที่ใช้ได้        การพิจารณาส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัย

           จะต้องมีบัตรประจ�าตัวการแพทย์ (medical identification  ของผู้บริโภค (consumer safety) ก็คือประชากรในมลรัฐ
           card)  เพื่อการมีไว้ใช้  ซึ่งได้รับการรับรองจากแพทย์  แพทย์ที่มี แคลิฟอร์เนียนั้น ว่าจะมีโอกาสบริโภคสารพิษ โลหะหนัก จากกัญชา
           คุณสมบัติครบพร้อมใบอนุญาต  (license)  บุคคลนั้นจึง ซึ่งมีสารตกค้างอยู่หรือไม่  เริ่มตั้งแต่การปลูก  มีการปนเปื้อน




                                                    ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๑  เล่มที่ ๖ เดือน มิถุนายน  พ.ศ.๒๕๖๒ หน้า ๑๕
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24