Page 24 - 01-06-62
P. 24
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ
เรื่อง...รักตัวเอง
ในการด�าเนินชีวิตของคนเรา ในปัจจุบัน ก็มีคนที่ประพฤติตัว แบบตรงกันข้าม กับค�าว่า รักตัวเอง กล่าวคือ
มีคนจ�านวนไม่น้อย บอกว่ารักตัวเอง แต่การกระท�า กลับตรงกันข้าม คือ แต่ละวัน เอาแต่หมกมุ่นวุ่นวาย อยู่กับอบายมุข
อันเป็นปากทางแห่งความหายนะ ซึ่งมีอยู่ ๖ ประเภท คือ ๑. เมาลูกเดียว ๒. เที่ยวราตรี ๓. มโหรีไม่เว้น ๔. เล่นการพนัน
๕. ติดพันมิตรชั่ว และ ๖. ประพฤติตัวเกียจคร้าน
อบายมุขไม่ว่าประเภทไหนๆ หากตกอยู่ในอ�านาจของมันจะท�าให้ประสบกับความพินาศ เช่น การพนัน เพียงไปนั่ง
ดูเขาเล่นก็ท�าให้เสีย อย่างน้อยคือเสียเวลา ขั้นตอนมาคือมีความผิดในฐานะผู้ร่วมเหตุการณ์และผู้สนับสนุนอยู่ในที ยิ่งถ้าลงมือ
เล่นด้วยก็ยิ่งเสียใหญ่ สมกับค�าประพันธ์ที่ว่า
ถูกโจรปล้น สิบครั้ง ยังทนได้
เพราะโจรไม่ ถอนเสา เอาเรือหนี
ถูกไฟไหม้ วิบัติ เหลือปฐพี
แต่หมดตัว ทั้งชีวี เพราะผีพนัน
อบายมุขเป็นสิ่งมีเสน่ห์ ยั่วยุให้หลงใหลและเสพติดได้
โปรดหยุดคิดสักนิด ไม่มีค�าว่าสายเสียแล้วส�าหรับการกลับตัวและเปลี่ยนใจเสียใหม่ จงพยายามรวมพลังกายพลังใจ
สลัดอบายมุขทุกชนิดให้ห่างไกล แล้วจะพบกับความสุขสดใสในชีวิตอย่างลึกล�้า
คนเราหากติดและอบายมุขเพียงประเภทเดียว ก็ท�าลายชีวิตของตัวเองได้ ถ้าติดอบายมุขหลายประเภทเท่ากับว่า
ก�าลังท�าร้ายครอบครัว ท�าร้ายเกียรติยศชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลไปด้วย
ถ้าหากรักตัวเองโปรดระมัดระวังเรื่องอบายมุขเพราะมันคือหุบเหวคือปากทางแห่งความหายนะ
เรื่อง...บันไดชีวิต
ในการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน หรือตึกชั้นสูงๆ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือบันได ขึ้น - ลง ถึงแม้ว่า ในปัจจุบัน
เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าไปมาก การก่อสร้างอาคารหรือตึกชั้นสูงๆ มักจะติดลิฟต์เพื่อความสะดวก รวดเร็ว
และประหยัดเวลาในการ ขึ้น - ลง ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยอันตราย เช่น ถ้าไฟดับลิฟต์ค้าง ต้องติดอยู่ข้างใน
ดีไม่ดีอาจถึงตายได้ เมื่อมีบันไดไว้ส�าหรับ ขึ้น - ลง ผู้ใช้บันไดก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้ คือถ้าเดินไม่ระมัดระวัง
มัวแต่ไปมองทางอื่นก็อาจจะสะดุดบันไดท�าให้ได้รับความบาดเจ็บหรือตกบันไดได้
ในการด�าเนินชีวิตของคนเราก็เหมือนกับการก้าวขึ้นสู่บันได พระพุทธศาสนาได้แบ่งชีวิตของคนออกเป็น ๓ ขั้น คือ
๑. ขั้นปฐมวัย ก�าหนดช่วงอายุตั้งแต่ ๑ - ๒๕ ปี เป็นวัยที่เน้นหนักไปในการแสวงหาวิชาความรู้ เพื่อเป็น
หลักประกันในการประกอบอาชีพ ท�างานเลี้ยงชีวิต
๒. ขั้นมัชฌิมวัย ก�าหนดช่วงอายุตั้งแต่ ๒๖ - ๕๐ ปี เป็นวัยที่เน้นหนักไปในการท�างานตั้งเนื้อตั้งตัวสร้างความ
มั่นคงทางเศรษฐกิจให้แก่ชีวิต เพื่อเป็นหลักประกันในยามชรา
๓. ขั้นปัจฉิมวัย ก�าหนดช่วงอายุ ตั้งแต่ ๕๑ - ๑๐๐ ปี เป็นวัยที่เน้นหนักไปในการท�าบุญท�ากุศล สร้างคุณงาม
ความดี เพื่อเป็นหลักประกัน ในสัมปรายภพ
ถ้าเราปฏิบัติหน้าที่ของชีวิตไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ก�าหนด ไปข้ามขั้นหรือผิดขั้น เช่น ปฐมวัยไปเน้นหนักการท�างาน
แทนที่จะตั้งหน้าเรียนวิชา หรือปัจฉิมวัยร่างกายและสมองอ่อนล้าแล้ว แต่กลับไปมุ่งเรียนวิชาแทนที่จะตั้งใจสร้างกุศล
โอกาสที่จะพลัดตกบันไดชีวิตก็มีมาก ที่กล่าวมานี้ มิได้แปลว่าห้ามท�าหน้าที่ผิดไปเสียทั้งหมด กล่าวคือ ปฐมวัย จะท�าบุญกุศล
ก็ได้ แต่การแสวงหาวิชาความรู้ต้องเป็นหลัก มัชฌิมวัย จะเรียนวิชาก็ได้ แต่การท�างานตั้งตัวต้องเป็นหลัก
ถ้าเราด�าเนินชีวิตถูกต้องตามขั้นตอนดังกล่าวมา ก็มั่นใจได้ว่าชีวิตแต่ละวัย จะมีหลักประกันที่มั่นคงอย่างแน่นอน
จัดท�าโดย กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.
หน้า ๒๐ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๑ เล่มที่ ๖ เดือน มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒

