Page 21 - 01-07-62
P. 21
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ไข้เลือดออก
ภัยร้ายใกล้ตัว
โดย น.ต.หญิง เบญจภัค สางห้วยไพร นักวิชาการสาธารณสุข กองเวชกรรมป้องกัน กรมแพทย์ทหารเรือ
สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี พ.ศ.๒๕๖๒
จากรายงานการเฝ้าระวังโรค ๕๐๖ ส�านักระบาดวิทยา ณ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ พบว่า ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก (Dengue fever :
DF, Dengue hemorrhagic fever : DHF, Dengue shock syndrome : DSS) สะสมรวม ๒๖,๔๓๐ ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
๒,๘๐๘ ราย อัตราป่วย ๔๐.๐๑ ต่อประชากรแสนคน มีการรายงานจ�านวนผู้ป่วยไข้เลือดออกมากกว่าปี พ.ศ.๒๕๖๑ ณ ช่วงเวลา
เดียวกัน ๑.๘ เท่า ผู้ป่วยเสียชีวิต ๔๑ ราย อัตราป่วยตาย ร้อยละ ๐.๑๖ การกระจายการเกิดโรคไข้เลือดออกรายภาค พบว่าภาคใต้ มีอัตราป่วย
สูงที่สุด เท่ากับ ๔๖.๗๘ ต่อประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่ ภาคกลาง (๔๔.๒๕) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (๔๒.๓๐) และภาคเหนือ (๒๓.๒๓)
ตามล�าดับ และจากรายงานล่าสุด ณ วันที่ ๑๔ มิุนายน ๒๕๖๒ พบผู้ป่วยไข้เลือดออก เพิ่มเป็น ๒๘,๗๘๕ ราย และเสียชีวิตแล้ว ๔๓ ราย
โรคไข้เลือดออกคืออะไร
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส “เด็งกี่” (Dengue) โดยมียุงลายเป็นพาหะน�าโรค ไข้เลือดออกนับเป็นโรคที่ต้องให้
ความส�าคัญ เพราะถ้ารักษาไม่ทันอาจท�าให้เสียชีวิตได้ ถ้าหากรู้ตัวและรีบรักษา ก็สามารถรักษาให้หายได้ภายในเวลาไม่นาน หลายคนอาจสับสน
ระหว่างโรคไข้เลือดออกกับโรคไข้หวัดใหญ่ เพราะมีอาการเบื้องต้นคล้ายคลึงกัน ฉะนั้นจึงต้องสังเกตอาการเริ่มแรกให้ดี เพื่อแยกแยะ
ความแตกต่างของไข้หวัดใหญ่กับไข้เลือดออกให้ได้ เชื้อเด็งกี่มีอยู่ ๔ สายพันธุ์ ได้แก่ DEN-1, DEN-2, DEN-3 และ DEN-4 ใครที่ได้รับเชื้อไวรัส
ไม่ว่าจะสายพันธุ์ใด ก็สามารถเป็นโรคไข้เลือดออกได้ทั้งนั้น แต่หากร่างกายติดเชื้อจากสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งไปแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิ
ต้านทานสายพันธุ์นั้นขึ้นมา แปลว่าจะไม่ติดเชื้อจากสายพันธุ์นั้นอีกตลอดชีวิต แต่จะมีโอกาสติดเชื้อจากสายพันธุ์อื่นได้โรคนี้ได้กลายเป็นปัญหา
สาธารณสุขในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะพบมากในประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น
สาเหตุของโรคไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกเกิดจากตัวไวรัสเด็งกี่ มักระบาดในหน้าฝน โดยมี ยุงลายตัวเมียดูดเลือดผู้ป่วยที่ก�าลังมีไข้
ยุงลายเพศเมียเป็นพาหะน�าโรค เมื่อยุงไปกัดคนที่มีเชื้อไวรัส เชื้อนั้นจะ
เข้าสู่กระเพาะของยุง และเข้าไปอยู่ในเซลล์บริเวณผนังกระเพาะ และจะยิ่ง
เพิ่มจ�านวนไวรัสมากขึ้นจนออกมาจากเซลล์ผนังกระเพาะ จากนั้นจะเดินทาง
เข้าสู่ต่อมน�้าลายของยุง ระยะฟักตัวในยุงนั้นจะใช้เวลาประมาณ ๘ - ๑๒ วัน วงจรการเกิด
และเมื่อยุงตัวนั้นกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไวรัสไปยังผู้ที่ถูกกัด ดังแสดง โรคไข้เลือดออก
ในแผนภาพวงจรการเกิดโรคไข้เลือดออก เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนผ่าน
ระยะเวลาฟักตัวนาน ๕ - ๘ วัน (สั้นที่สุด ๓ วัน - นานที่สุด ๑๕ วัน) จะมี ยุงถ่ายทอดเชื้อทางไข่ได้ ยุงกัดเด็กในชุมชน โรงเรียน ศูนย์เด็ก
อาการเหมือนไข้หวัด มีไข้ ตัวร้อน ไอ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ซึ่งอาจจะ ที่มาของภาพ : http://krasang.go.th/public/download.php
ท�าให้เกิดการวินิจฉัยผิดพลาดได้ ในกรณีที่โรคยังไม่ถึงระยะลุกลาม ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกับไข้หวัด แพทย์จึงมักสั่งให้ตรวจเลือด
เพื่อค้นหาว่าผู้ป่วยไม่สบายจากการติดเชื้ออะไร ส่วนใหญ่แล้วคนปกติที่มีร่างกายแข็งแรงจะมีภูมิคุ้มกันโรค แต่เด็กหรือคนที่มีสภาพร่างกายไม่
แข็งแรง เชื้อไข้เลือดออกจะเข้าท�าลายระบบการไหลเวียนของเลือด ผนังเซลล์เม็ดเลือดแดง และท�าลายอวัยวะภายในร่างกายจนมีเลือดออก
การรักษาโรคไข้เลือดออก
ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดที่สามารถต้านไวรัสที่มีฤทธิ์เฉพาะเชื้อไข้เลือดออกได้ แพทย์จึงต้องใช้วิธีรักษาตามอาการ เช่น หากมีไข้ การลดไข้
เช็ดตัวด้วยน�้าอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ และการใช้ยาพาราเซทตามอล เฉพาะเวลามีไข้สูงเท่านั้น ห้ามใช้แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือ ยากลุ่ม
(non-steroidal antiinflammatory drug - NSAID) เด็ดขาด เพราะอาจท�าให้เลือดออกมากขึ้น หากผู้ป่วยอาเจียน ให้ยาแก้อาเจียน
พร้อมจิบน�้าเกลือชนิดดื่ม หรืออาจให้น�้าเกลือทางหลอดเลือดร่วมด้วย ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูงมาก อาเจียนตลอดเวลา เกล็ดเลือดต�่า
มีเลือดออกมาก เสี่ยงต่อภาวะช็อก แพทย์จะดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่ผู้ป่วยยังคงอยู่ในช่วงวิกฤตประมาณ ๒๔ - ๔๘ ชั่วโมงที่มีการ
รั่วไหลของพลาสมา
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๑ เล่มที่ ๗ เดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒ หน้า ๑๔

