Page 21 - ข่าวสารฯ ฉบับ 6302 ก.พ.๖๓
P. 21

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter

                                                                            ความดันโลหิตสูง



                                                                             จากความเครียด

                 ผู้สูงวัย ๕๐ +




                                                                                  โดย...ศิษฏ์ชายชล  สุทธิพงศ์  MBA  RN

                      มามืดไปสว่าง  มืด คืออะไร คือภัยที่มืดมิดคือมองไม่เห็น ไม่รู้ตัว ภัยอันตรายต่อตัวเราเอง มาเงียบกริบ สิ่งนั้นก็คือ

               สิ่งที่เป็นอันตรายโดยเราไม่รู้ตัว  คือความดันเลือด (พูดกันเป็นแบบภาษาตลาด) ส่วน “ไปสว่าง” คือ รับรู้และรู้ตัวว่า
               ความดันเลือดสูง นั้นเกินเกณฑ์ที่ก�าหนดเอาไว้ หรือความดันเลือดต�่าเกินไป สว่างเลย ตาสว่าง รู้ตัวว่าตอนนี้เราเป็นโรค

               ความดันโลหิตแล้ว  ซึ่งส่วนใหญ่มักจะสูง  คราวนี้เมื่อรู้แล้วว่าไม่อยากให้ภัยมืดเกิดขึ้นกับเรา  ขอแนะน�าสิ่งที่เราท�าได้อย่างดี
               และเหมาะสมที่สุด คือ การเฝ้าระวัง ป้องกันอย่าให้มีความดันเลือดสูง
                      เนื่องจากท่านก�าลังอยู่ในภาวะเสี่ยง ประการแรก คือ อายุ สิ่งที่จะรู้ว่าเกิดอะไร

               ขึ้นกับความดันเลือดของตัวท่านเองคือ  ตรวจวัดอย่างสม�่าเสมอเท่านั้น  เกณฑ์ใหม่
               ของสมาคมหัวใจของอเมริกา ใช้ 130/80 mmHg ถ้าสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นค่าตัวบน หรือ

               ตัวล่าง ท่านก็จะเป็นความดันเลือดสูง คือตัวบนเกิน 130 ตัวล่างเกิน 80
                      จากงานวิจัยของสมาคมพบว่า ประชาชนประมาณ ๑๐๐ ล้านคน เกือบ ๕๐ ล้านคน ตรวจพบมีความดันโลหิตสูง
               และเสียชีวิตด้วยเหตุนี้ ถึง ๓๘ % จากช่วงปี 2005 - 2015 ที่ผ่านมา ตัวเลขนี้น่าวิตก บ้างก็แย้งว่าสถิติจากคนละประเทศ น�ามาใช้

               ในประเทศไทยไม่ได้ ในที่นี้เราไม่ได้น�าตัวเลขมาวิเคราะห์ แต่จะอ้างอิงถึงความหายนะของโรคนี้ เป็นกันง่ายๆ พูดกันบ่อยจน
               ชินชา และท�าให้เราเพิกเฉย ไม่สนใจภัยมืดแบบนี้ ให้ท่านสังเกตเรียนรู้ เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ไม่ได้ขู่ ไม่ได้สร้างสถานการณ์

               แต่อยากให้ท่านตื่นรู้ และระลึกว่า สิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดสามารถป้องกันได้ ซึ่งเกิดกับตัวเอง น่าเสียดายบังเกิดด้วยเหตุที่ไม่สมควร
                                                          ประการที่สองของภาวะเสี่ยงก็คือ ความเครียด หลายคนพูดปลอบใจ
                                                  ตนเองว่า ไปหาหมอทีไรค่าความดันเลือดขึ้นสูงทุกที เพราะตื่นเต้น มีจิตใจกังวล ไม่

                                                  อยากไปพบหมอ กลัวตรวจแล้วเจอโรคที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ โรคที่ไม่อยากจะได้ยิน
                                                  หลังจากนั้น มาวัดความดันเลือดที่บ้าน ก็อยู่ในเกณฑ์ปกติดี จึงเข้าข้างตนเองว่า

                                                  ไม่น่าเป็นอะไรที่น่าเป็นห่วง เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระท�า และเข้าข้างตัวเองจนเกินไป
                                                  จนท�าให้เพิกเฉยไม่ให้ความส�าคัญของความดันเลือด จริงๆ แล้วเราไม่รู้ว่าสาเหตุ
                                                  ที่แท้จริงของการเกิดภาวะโลหิตสูงอย่างแน่ชัด  แต่รู้ภาวะเสี่ยงก่อให้เกิดโรค

               การวัดความดันเลือดนั้นขึ้นลง เพื่อตรวจสอบว่าร่างกายเราสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม
               เรารู้ตัวอย่างชัดเจนที่มีความเสี่ยงสูงก็คือ ความเครียด

                      ทดลองนึกภาพดูว่า  ความเครียดนั้นเกิดขึ้นกับเราในแต่ละวัน  หรือชีวิตประจ�าวันของเรา  ส่งผลให้สามารถเกิด
               ความเครียดได้สักกี่ครั้งต่อวัน ลองนึกภาพไปตั้งแต่ตื่นเช้ามาเลย ลืมตาขึ้นมา นาฬิกาปลุกไม่ท�างาน ตื่นสาย ลืมชาร์จแบตเตอรี่
               ของโทรศัพท์มือถือค้างคืนไว้ คนข้างๆ ที่นอนด้วยไม่ยอมปลุกให้ตื่น หลับจนเพลิน เพราะร่างกายอ่อนเพลีย สายป่านนี้

               ไม่ทันเวลาก็เครียดแล้ว หลังจากนั้น เดินออกจากที่นอน สะดุดผ้าเช็ดเท้า ยาสีฟันหมด ขนแปรงสีฟันเริ่มอ่อนย่นจนเยิ่น
               ท�าความสะอาดที่ซอกฟันไม่เกลี้ยง ไหมขัดฟันหมด ท่อระบายน�้าในห้องน�้าระบายช้า หรืออุดตัน กระจกส่องหน้ามีฝ้าเต็มไปหมด

               เนื่องจากยาสีฟันกระเด็นมาถูกกระจกจึงไม่แจ่ม เครื่องท�าน�้าร้อนระหว่างอาบน�้าเสีย อีกมากมายต่างๆ ในห้องน�้านี่ก็เครียดแล้ว
               ยังไม่ออกจากห้องน�้าเลย  คราวนี้มากินข้าวมีโทรศัพท์เข้ามาแต่เช้า  ไม่ทันได้กินอาหารเช้า  ต้องรีบไปท�างาน  ขับรถออกมา
               ยางลมอ่อน รถเริ่มหนาแน่น ติดขัด จราจรปล่อยรถไม่สม�่าเสมอ ให้ทางซ้ายไปก่อน และนานมากกว่าทางตรง ขับมาเรื่อยๆ

               มีคนแซงปาดหน้าอีก หรือว่า ถ้าขึ้นรถเมล์รถประจ�าทางก็แย่งกันขึ้น ในสังคมคนเมืองถึงที่ท�างานแย่งกันขึ้นลิฟท์ รีบไป

                                                 ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๒ เล่มที่  ๒  เดือน กุมภาพันธ์  พ.ศ.๒๕๖๓ หน้า ๑๖
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26