Page 20 - 1 May 63
P. 20

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter

                                          ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ



                                       เรื่อง...พิษงูหรือจะสู้พิษคน

                  งูมีหลายชนิด ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ ใครพบเห็นเข้ามักสะดุ้งหวาดกลัวทุกครั้ง และแม้เป็นชนิดที่มีพิษร้ายแรง แต่ก็ไม่

          เคยปรากฏว่างูจะเกะกะระรานไล่ขบกัดท�าร้ายคน นอกจากมันรู้ว่าภัยจะมาถึงตัวเท่านั้น จึงป้องกันตัวเอง  แต่ส�าหรับคนไม่ดี
          หรือเรียกว่า คนพาลนั้นเป็นบุคคลที่น่ากลัวกว่างูพิษ มีลักษณะ ๕ ประการ คือ
                         ๑. ชอบชักน�ำไปในทำงที่ผิด           ๒. ชอบท�ำสิ่งที่มิใช่หน้ำที่

                         ๓. เห็นผิดเป็นถูก                   ๔. พูดดี ๆ ก็โกรธ และ
                         ๕. ไม่ปฏิบัติตำมระเบียบวินัย

                  ในอรรถกถามงคลสูตร ได้วิเคราะห์พฤติกรรมของคนพาลไว้ว่า เมื่อจะพูดก็มักพูดเท็จ พูดส่อเสียดยุยง พูดหยาบ และ
          พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ  เมื่อจะท�า  ก็มักจะไปเบียดเบียนผู้อื่นทางชีวิตร่างกายบ้าง  ทางทรัพย์สินบ้าง  ประพฤติผิดทางเพศบ้าง
          แม้เมื่อจะคิด ก็ยังคิดด้วยความโลภ เห็นแก่ตัวบ้าง คิดพยาบาทบ้าง ท�าให้เห็นว่าคนพาลนี้มีพิษรอบตัวทีเดียว

                  การไม่เข้าใกล้หรือไม่อยู่ร่วมกับงูพิษนั้นง่าย แต่กับคนพาลนั้นแม้ไม่ต้องการอยู่ใกล้หรือสมาคมด้วย  บางทีก็ท�าได้ยาก
          จ�าเป็นต้องมีเกราะป้องกันตัวเอง  คือใช้ความระมัดระวังสังเกตทั้งลักษณะและพฤติกรรมไว้ให้ดี  และไม่เผลอตัวไปเห็นดี

          เห็นงามด้วย  เปรียบเหมือนมีงูพิษเข้ามาหลบซ่อนอยู่ในบ้าน  เจ้าของบ้านต้องระมัดระวังในทุกอิริยาบถ  จึงจะปลอดภัย
          ดังค�ากลอนที่ว่า
                         อยู่คนเดียวต้องระวังยั้งควำมคิด     อยู่ร่วมมิตรต้องระวังยั้งค�ำขำน

                         อยู่ร่วมรำชต้องคอยตั้งระวังกำรณ์     อยู่ร่วมพำลต้องระวังทุกอย่ำง เอย
                  และที่ส�าคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คืออย่ามัวแต่ระมัดระวังคนพาลอื่น ๆ นอกตัวเราเพียงอย่างเดียวควรอย่างยิ่งที่จะตระหนัก

          อยู่เสมอว่าเราก็ต้องไม่ท�าตัวเป็นคนพาลเสียเอง นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด


                                             เรื่อง...สอนลูกให้ถูกวิธี


                  ในห้วงเวลาปิดเทอมเช่นนี้ หลายๆ ครอบครัวจะได้มีโอกาสอยู่กับลูกมากขึ้น และสอนลูกไปด้วย ซึ่งคนที่มีลูกมัก
           มีทุกข์ ๒ อย่าง คือทุกข์เพราะลูกตาย และทุกข์เพราะลูกชั่ว บรรดาความทุกข์เหล่านี้ ทุกข์เพราะลูกชั่วเป็นเรื่องส�าคัญที่สุด

           เพราะท�าให้ผู้เป็นพ่อแม่ต้องเสียใจ ทุกข์ระทม และคอยแก้ปัญหาอย่างไม่รู้จบสิ้น
                  พระพุทธองค์ตรัสเกี่ยวกับหน้าที่ของพ่อแม่ไว้ข้อหนึ่งว่า ปำปำ นิวำเรนติ แปลว่า ห้ำมไม่ให้ท�ำควำมชั่ว แต่ปัญหา
           อย่างหนึ่งที่มักได้ยินอยู่เสมอก็คือพ่อแม่ไม่มีเวลาที่จะอบรมสั่งสอนลูกโดยยกสภาพสังคมปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบแข่งขัน

           ในการประกอบอาชีพขึ้นมาเป็นข้ออ้าง ชวนให้คิดต่อไปว่าแท้จริง งานสั่งสอนลูกนั้นต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันแน่ และถ้าทุกคน
           ถูกปิดกั้นด้วยเวลาเช่นนั้นจริง แล้วจะท�าอย่างไร

                  ปัญหานี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากความเคยชินและยึดติดในภาพของการสอน คือพอพูดถึงค�าว่าสอน ก็มองเห็น
           เป็นภาพว่า ต้องมีผู้สอน ผู้รับการสอน ต้องมีเวลาอย่างนั้น มีบรรยากาศอย่างนี้ เป็นต้น แต่ความจริงการสอนประกอบด้วย
           หลักส�าคัญ ๒ ประการคือ สอนให้จ�ำ และท�ำให้ดู  ใน ๒ อย่างนั้น การท�าให้ดูไม่มีข้อจ�ากัดทั้งเวลาและอุปกรณ์ ข้อส�าคัญ

           การท�าให้ดูท�าให้เกิดความประทับใจ จูงใจ และฝังใจได้ดีกว่า ดังค�าสุภาษิตจีนว่า ภาพภาพเดียว มีค่ากว่าค�าพูดพันค�า
                  ดังนั้น ควรเลือกแสดงออกแต่สิ่งที่ดีงำมเพื่อให้เป็นตัวอย่ำงที่ดี แล้วแนะน�ำชี้แจงให้รู้จักผลของควำมดีควำมชั่ว

           ประกอบกันไป
                  การสอนคนนั้น  หากเป็นเรื่องเกี่ยวพันด้วยพฤติกรรม แบบอย่างที่ดีจะมีบทบาทส�าคัญมาก  หากสามารถท�าได้
           ทั้งสอนให้จ�า ทั้งท�าให้ดู ก็มั่นใจได้ว่า จะเป็นการสอนที่ถูกวิธีอย่างแท้จริง


               จัดท�าโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.


        หน้ำ ๑๙   ข่ำวสำรแพทย์นำวี  ปีที่ ๖๒ เล่มที่  ๕  เดือน พฤษภาคม  พ.ศ.๒๕๖๓
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25