Page 3 - 1 June 63
P. 3
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดใช้เวลาว่างส่วนพระองค์
ในการศึกษาวิชาดนตรี ทั้งด้านประสานเสียงและการประพันธ์เพลง จนทรงสามารถประพันธ์เพลงและท�าหน้าที่เป็นวาทยากร
ได้อย่างคล่องแคล่ว เคยทรงเล่าประทานพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา พระธิดา ฟังว่า “…ถ้าพ่อเลือกได้ พ่อจะเรียน
ดนตรีและภาษา และจะท�างานด้านดนตรีอย่างเดียว แต่พ่อเลือกไม่ได้ เพราะพ่อบังเกิดมามียศต�าแหน่ง ต้องท�างานให้
ประเทศชาติ ทูลหม่อม (รัชกาลที่ ๕) สั่งให้พ่อไปเรียนวิชาทหารเพื่อกลับมาปรับปรุงกองทัพไทย พ่อก็ไปเรียนวิชาทหาร
บางครั้งพ่อเบื่อบางวิชาที่ต้องเรียนจนทนไม่ไหว ต้องเก็บพ็อกเก็ตมันนี่เอาแอบไปเรียนดนตรี แอบไปเรียนเพราะพวก
ผู้ใหญ่สมัยนั้นเห็นว่าวิชาดนตรีไม่เหมาะกับชายชาติทหาร เมื่อได้เรียนดนตรีที่พ่อรักก็สบายใจ เกิดความอดทนที่จะเรียน
และท�างานที่พ่อเบื่อ…”
พระองค์ทรงเริ่มแต่งเพลงไทยสากลก่อนเพลงไทย เพลงชุด
แรกๆ มีเพลงวอลทซ์โนรีและเพลงจังหวะโพลกา เช่น เพลงมณฑาทอง
เป็นต้น พระองค์ทรงพระนิพนธ์เพลงไทยประสานเสียงแบบดนตรีสากล
เช่น เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย เพลงสรรเสริญเสือป่า เพลงสาครลั่น
และทรงแยกเสียงประสานเพลงไทยส�าหรับบรรเลงด้วยวงโยธวาทิต
ท�าให้แตรวงบรรเลงเพลงไทยได้ไพเราะ มีหลักการประสานเสียงดียิ่งขึ้น
ได้ทรงประดิษฐ์เพลงแตรวงไว้หลายเพลง เช่น โหมโรงสะบัดสะบิ้ง
เพลงเขมรใหญ่ เถา เพลงแขกมัสหรี เถา เพลงแขกสี่เกลอ เถา
ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๗ นั้น วังบางขุนพรหมเป็นศูนย์กลางการประชันวงปี่พาทย์ การแสดงดนตรี และการละเล่นต่างๆ และเป็นที่
เกิดของเพลงที่มีชื่อเสียงเป็นจ�านวนมาก ส่วนวงปี่พาทย์วังบางขุนพรหมนั้น ก็เป็นวงที่มีชื่อเสียงมาก และได้เข้าร่วมในการ
ประชันวงที่วังบางขุนพรหมเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๖ ซึ่งได้รับการตัดสินให้ชนะเลิศ เป็นต้นต�ารับการขับร้องที่สืบทอดมาแต่
โบราณ และในขณะที่พระองค์ทรงด�ารงต�าแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ พระองค์ทรงปรับปรุงวงดนตรีสากล
ของกองดุริยางค์ทหารเรือ จนสามารถบรรเลงเพลงประเภทซิมโฟนีได้ดี เป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน
จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไตและพระหทัย เมื่อวันที่
๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗ ที่ต�าหนักประเสบัน
เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย ขณะพระชันษา
๖๓ ปี อัญเชิญพระศพกลับประเทศไทยเมื่อวันที่
๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๑ และได้มีการพระราชทาน
เพลิงพระศพ ที่พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่
๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๓

