Page 21 - 1sep63
P. 21

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter




                                             ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ




                                                 เรื่อง...การท�าหน้าที่


                    การท�างานเพื่อให้ตนด�ารงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ขัดข้องน�าพาชีวิตคนในครอบครัวและคนในองค์กรของตนให้บรรลุ

             เป้าหมายขององค์กรนั้น จ�าเป็นต้องช่วยกันคิด ช่วยกันท�าช่วยกันพัฒนาองค์กรของตนให้เจริญก้าวหน้าตามวิสัยทัศน์และพันธกิจ
             ที่ตั้งไว้  เมื่อบุคคล  ครอบครัวหรือ องค์กรได้ร่วมแรงร่วมใจกันกระท�าหน้าที่อย่างเต็มก�าลังความรู้ความสามารถแล้ว  ย่อมประสบ
             ผลส�าเร็จตามที่ตนมุ่งหมายเป็นแน่แท้ ในเรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

             ก็ทรงเห็นความส�าคัญของการท�าหน้าที่ ดังพระบรมราโชวาท ที่ได้พระราชทานแก่ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ต�ารวจ
             และอาสาสมัครพลเรือน  ในพิธีตรวจพลสวนสนามเนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก  อังคารที่  ๘  มิถุนายน  ๒๕๑๔
             ความว่า

                    “...ชาติบ้านเมืองคือชีวิต เลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการด�ารงรักษาชาติประเทศนั้น มิใช่หน้าที่ของ
             บุคคลผู้ใดหมู่ใดโดยเฉพาะ  หากแต่เป็นหน้าที่ของทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คน ที่จักต้องร่วมมือกระท�าพร้อมกันไปโดยสอดคล้องกัน

             เกื้อกูลกัน และมีจุดมุ่งหมายมีอุดมคติร่วมกัน...”
                    จากพระบรมราโชวาทนี้  แม้จะทรงเน้นการท�าหน้าที่ในการรักษาชาติบ้านเมืองที่ทุกคน  ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกระท�า
             พร้อมกันไป ก็ยังชี้ให้เห็นความส�าคัญของการท�างานร่วมกันให้มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ไม่แย่งชิงผลประโยชน์กันและกัน

             แต่มีเป้าหมายและจุดมุ่งหมายเดียวกัน ถ้าท�าได้อย่างนี้ นอกจากการท�างานจะประสบผลส�าเร็จด้วยดีแล้ว ยังจะส่งผลให้เกิดขวัญ
             และก�าลังใจที่ดีแก่ผู้ร่วมปฏิบัติงานอีกด้วย  เราท่านทั้งหลายจึงควรน้อมน�าพระบรมราโชวาทนี้ใส่เกล้าใส่กระหม่อมประยุกต์ใช้

             ในชีวิตประจ�าวันของตนสืบไป




                                                 เรื่อง...ทหารอุ้มลา

                    มีเรื่องราวของทหารอุ้มลาฝ่าดงระเบิด ปรากฏเป็นภาพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งเมทธิว อี.เมย์ น�ามาเปรียบ

             กับเหตุการณ์โรคโควิด-๑๙ ที่ก�าลังระบาดอย่างหนักไปทั่วโลกว่า ทหารในภาพไม่ได้รักลาตัวนั้นเป็นพิเศษอะไร แต่กลัวว่า
             มันจะวิ่งเพ่นพ่านไปเหยียบโดนกับระเบิดเข้า  จนเป็นเหตุให้ทุกคนได้รับอันตราย  จึงตัดสินใจเสียสละก�าลังของตนเอง
             แบกลาที่หนัก และเป็นตัวถ่วงเดินฝ่าดงระเบิด เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยผ่านพ้นวิกฤตในสมรภูมิไปได้ ในภาพนั้นลาก็คือ

             พวกคนที่ไม่ท�าตามกฎระเบียบ  ไม่ป้องกันตนเอง  ไม่ยอมเชื่อฟัง  ไม่กักตัวและเที่ยวไปตามที่ต่างๆ  ทหารในภาพคือ
             บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ถ้าจ�านวนลามากกว่าทหาร คงยากจะควบคุมและทุกคน

             อาจไม่รอด ที่น่าเศร้ากว่าคือทหารคนเดียวแบกลาหลายตัวไม่ได้ เช่นเดียวกับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีจ�านวนน้อย ไม่อาจ
             รับมือผู้ป่วยจ�านวนมากได้ สุดท้ายอาจระบาดหนัก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
                    ดังนั้น ในยามที่สังคมเกิดวิกฤตต้องพยายามเปลี่ยนลาให้เป็นทหาร หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรท�าตัวเป็นลา ในทาง

             พุทธศาสนาสอนว่า “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีของหมู่คณะ น�ามาซึ่งความสุข” คือทุกคนควรหันหน้า
             เข้าหากัน เห็นประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนส่วนตน ปรับเปลี่ยนทัศนคติในทางที่ดี สงวนจุดต่าง แสวงหาจุดร่วม ด้วยการละ
             ความเห็นแก่ตัว มีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อผู้ตกยาก และท�าตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เมื่อท�าได้อย่างนี้ แม้จะประสบปัญหา

             วิกฤตมากมายเพียงใดก็ตาม สุดท้ายแล้วย่อมผ่านพ้นไปได้ด้วยความราบรื่นอย่างแน่นอน


               จัดท�าโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.




                                                  ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๒ เล่มที่  ๙  เดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓  หน้า ๑๗
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26