Page 25 - 10oct64
P. 25
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
คะแนน ๑.๐๐ - ๑.๔๙ หมายถึง พึงพอใจน้อยที่สุด, คะแนน ๑.๕๐ - ๒.๔๙ หมายถึง พึงพอใจน้อย, คะแนน ๒.๕๐ - ๓.๔๙
หมายถึง พึงพอใจปานกลาง, คะแนน ๓.๕๐ - ๔.๔๙ หมายถึง พึงพอใจมาก, คะแนน ๔.๕๐ - ๕.๐๐ หมายถึง พึงพอใจมากที่สุด
จากตารางที่ ๓ สรุปได้ว่าคะแนนความพึงพอใจด้านการช่วยลดความสิ้นเปลืองในการใช้กระดาษมีค่าสูงสุด คือ ๔.๗๙
คะแนน (SD = 0.43) คะแนนความพึงพอใจด้านการช่วยประหยัดเวลาในการปฏิบัติงานมีค่าต�่าสุด คือ ๓.๐๗ คะแนน (SD = 1.27)
ส่วนคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างต่อการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการค�านวณอัตราก�าลังพยาบาล
ตามภาระงาน จ�านวน ๑๔ ราย เท่ากับ ๔.๕๒ (SD = .78) หมายถึง พึงพอใจมากที่สุด ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกลุ่มตัวอย่าง
ได้แก่ ลดความซ�้าซ้อนในการลงข้อมูล พกพาสะดวก ลงข้อมูลที่ข้างเตียงผู้ป่วยท�าให้ประเมินสภาพผู้ป่วยได้ตามความเป็นจริง
การอภิปรายผลการวิจัย
๑. จากผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้โปรแกรม Pinklao Staffing Application ในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตมีค่าผลิต
ภาพทางการพยาบาลน้อยกว่า การใช้โปรแกรม Nursing Productivity ในคอมพิวเตอร์พีซีร่วมกับการจ�าแนกประเภทผู้ป่วย
แบบกระดาษ ทั้งนี้เป็นผลจากช่วงเดือนที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัยเป็นช่วงที่มีการระบาดอย่างหนักของโรคไวรัสโควิด 19
ถือเป็นตัวแปรแทรกซ้อนที่ส�าคัญ เนื่องจากท�าให้จ�านวนยอดผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงอย่างมาก รวมทั้ง
รัฐบาลก�าหนดให้หน่วยงานของรัฐยึดหลักเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นผลให้การจัดการประชุมทั้งขนาดใหญ่และขนาดย่อยถูก
งดโดยสิ้นเชิง ซึ่งการใช้โปรแกรม Pinklao Staffing Application ในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตมีการน�าจ�านวนการรับใหม่/ ส่งต่อ/
จ�าหน่ายผู้ป่วย และจ�านวนบุคลากรที่ต้องไปประชุมนอกหน่วยงานมาคิดค�านวณค่าผลิตภาพทางการพยาบาลด้วยสูตร คือ (ยอดยกมา
+ รับใหม่ + รับย้าย) x Taget NHPPD x 100 / ชม.การพยาบาลที่จัดจริง (๗ ชม.) x จ�านวนพยาบาลที่ขึ้นเวร ดังนั้นเมื่อไม่มี
การส่งบุคลากรไปประชุมนอกหน่วย และจ�านวนการรับคนไข้ใหม่ลดลง จึงมีผลต่อค่าผลิตภาพทางการพยาบาลให้ลดต�่าลงกว่า
วิธีการใช้โปรแกรม Nursing Productivity ในคอมพิวเตอร์พีซีร่วมกับการจ�าแนกประเภทผู้ป่วยแบบกระดาษ นอกจากนี้วิธีการ
ลงข้อมูลการจ�าแนกประเภทผู้ป่วยที่แตกต่างกันสองวิธี ยังส่งผลให้ประเภทผู้ป่วยในแต่ละเวรแตกต่างกันด้วย เช่น ในเวรเช้ามี
ผู้ป่วยเด็กทั้งหมด ๕ ราย เป็นประเภท ๕ จ�านวน ๑ ราย เป็นประเภท ๔ จ�านวน ๒ ราย และเป็นประเภท ๓ จ�านวน ๒ ราย หากบันทึก
การจ�าแนกประเภทผู้ป่วยโดยใช้แท็บเล็ต ข้อมูลจะถูกส่งไปค�านวณค่าผลิตภาพทางการพยาบาลในโปรแกรม Pinklao Staffing
Application ตามจริงทั้งหมด เพราะระบบถูกเชื่อมโยงกันโดยอัตโนมัติ แต่หากใช้การจ�าแนกประเภทผู้ป่วยแบบกระดาษ คณะผู้วิจัย
พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการคีย์ข้อมูลให้เป็นประเภท ๔ ทั้งหมด ๕ คน อันจะส่งผลให้โปรแกรม Nursing Productivity ใน
คอมพิวเตอร์พีซี ค�านวณค่าผลิตภาพทางการพยาบาลที่สูงขึ้น เพราะพยาบาลต้องดูแลผู้ป่วยที่มีความต้องการชั่วโมงการพยาบาล
มากขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า หากระบบไม่สามารถป้องกันความคลาดเคลื่อนอันเกิดจากบุคคลได้ ก็จะส่งผลให้เกิดการวิเคราะห์
ข้อมูลที่ผิดพลาด และบริหารอัตราก�าลังพลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงตามภาระงาน ส่งผลให้โรงพยาบาลต้องสูญเสียค่าใช้จ่าย
ในการจ้างเวรเสริมนอกเวลาราชการมากขึ้น รวมทั้งผู้บริหารการพยาบาลก็อาจบริหารก�าลังพลผิดพลาดตามไปด้วย ซึ่งในช่วงที่มี
การเก็บรวบรวมข้อมูลจากสถานการณ์จริง คือ พยาบาลมีมากกว่าภาระงาน เพราะจ�านวน
ผู้ป่วยมีน้อย (ประมาณ ๒ - ๕ ราย/เวร) บางเวรยอดผู้ป่วยเป็นศูนย์ ดังนั้นผู้ตรวจการพยาบาล
นอกเวลาราชการจึงบริหารอัตราก�าลังพยาบาลโดยให้พยาบาลประจ�าหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม
ไปช่วยงานที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดในช่วงเวรเช้า ส่วนเวรบ่ายและเวรดึกให้ส่งพนักงานช่วย
การพยาบาลไปช่วยป้อนนมผู้ป่วยเด็กที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดเช่นกัน สอดคล้องกับทฤษฎี
ที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางของ Stagger, Thomas & Happ ประกอบด้วย ๑. สิ่งน�าเข้า ได้แก่
ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการจัดอัตราก�าลัง เกณฑ์จ�าแนกผู้ป่วย ลักษณะของผู้ป่วย จ�านวนผู้ป่วย
ปริมาณการรับใหม่ จ�าหน่าย ส่งต่อ และกิจกรรมความต้องการพยาบาลของผู้ป่วย ๒. กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นสารสนเทศ คือ จ�านวนชั่วโมงความต้องการการพยาบาล ประเภท
บุคลากร และประเภทผู้ป่วยในเวร โดยซอฟต์แวร์ประมวลผล ๓. สิ่งน�าออก คือ ผลการจ�าแนกประเภทผู้ป่วยที่ถูกต้อง
หากสิ่งน�าเข้าถูกต้อง ซอฟต์แวร์ก็จะประมวลผลสิ่งน�าออก ถูกต้องเช่นกัน
อ่านต่อฉบับหน้า
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๑๐ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔ หน้า ๘

