Page 18 - ข่าวสารแพทย์นาวี ฉบับเดือน พ.ย.๖๔
P. 18
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ
เรื่อง...อภัยทาน
อภัยทาน หมายถึงการช�าระความโกรธในจิตใจด้วยการไม่โกรธเคืองผู้อื่น ยกโทษให้ไม่ผูกใจเจ็บ ไม่พยาบาท
หรืออาฆาตใดๆ ซึ่งเป็นทานที่ให้ได้โดยไม่ต้องสูญเสียวัตถุ เงินทอง หรืออะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการให้ที่ยากและยิ่งใหญ่ที่สุด
ของมนุษย์ เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นทานสูงสุด การให้อภัยมิได้หมายถึงการลืมเหตุการณ์ที่เจ็บปวด แต่หมายถึง
การไม่ยอมให้เหตุการณ์เหล่านั้นมาท�าร้ายเราอีก
เหตุที่มนุษย์ต้องมีอภัยทาน ก็เพราะว่าคนเราย่อมมีความบกพร่องเป็นธรรมดา เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงไม่อาจหวัง
ความสมบูรณ์แบบจากใครได้ รวมทั้งตัวเราเองด้วย ถ้าไม่ได้อย่างที่คาดหวัง หรือมีความผิดพลาดเกิดขึ้น จึงต้องรู้จักให้อภัย
ทั้งต่อตัวเองและคนอื่น การไม่ให้อภัยเหมือนเราไม่ยอมล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย แม้ว่าจะไปที่ไหน สวมใส่เสื้อผ้า
ชิ้นใดงามเพียงไร ร่างกายของเราก็ยังสกปรกและตามติดไปทุกหนทุกแห่ง ความงามของเรือนร่างที่ประดับด้วยเครื่องเพชร
และเสื้อผ้าก็ไม่อาจท�าให้ร่างกายสะอาดได้ การให้อภัยเปรียบเหมือนการอาบน�้าช�าระร่างกาย
ดังนั้น อภัยทาน จึงเป็นทานที่ให้ได้โดยไม่ต้องสูญเสียอะไร แต่เมื่อให้แล้วกลับได้รับสิ่งมีค่าอย่างมหาศาล นั่นก็คือ
ความสบายใจที่จะไม่มีเวรภัยกับใครๆ ความสุขใจที่ได้ให้อภัยแก่เขา โดยที่เขาก็รับรู้ว่าเราให้อภัยเขาแล้ว คนรับสุขใจ
คนให้ก็สุขใจขึ้นทันที “อภัยทาน” จึงเป็นการให้ที่ผู้ให้และผู้รับหรือผู้ขอมีความประทับใจที่สุด
เรื่อง...ท�าดีมีสุข
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานธรรมภาษิตบทหนึ่งว่า
“รักเขยยะ อัตตะโน สาธุง ละวะณัง โลณะตัง ยถา” แปลว่า “พึงรักษาความดีของตนไว้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม ฉะนั้น”
ด้วยพระประสงค์ให้ทุกคนมุ่งท�าความดี และรักษาความดีที่มีอยู่ให้มั่นคง ไม่แปรผัน
ความดี คือสิ่งที่ท�าแล้วเป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น น�าพาตนเองและผู้อื่นไปสู่ความพ้นทุกข์ ตั้งอยู่บนรากฐาน
คือลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนของตน ประกอบด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อกัน การท�าความดีจึงเป็น
การสร้างเสน่ห์ให้แก่ชีวิต ท�าชีวิตให้มีคุณค่า ซึ่งมีแนวทางในการท�าความดี ๓ แนวทางคือ
๑. การท�าความดีทางกาย หมายถึง การช่วยเหลือคนอื่นด้วยแรงกาย ไม่เอาก�าลังกายไปท�าร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
การท�างานที่สุจริต เป็นต้น
๒. การท�าความดีทางวาจา หมายถึง การพูดดี คือพูดเรื่องจริง พูดด้วยค�าสุภาพ พูดสร้างสามัคคี พูดมีประโยชน์
และงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดความหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
๓. การท�าความดีทางใจ หมายถึง การที่เรามีความคิดที่ดี มีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่นคิดแต่สิ่งดีๆ มองโลกในแง่ดี
เป็นต้น
การท�าความดีตามแนวทางทั้ง ๓ นั้น ทางกายและทางวาจา จะด�าเนินไปในทางที่ดีที่ถูกต้องได้ ต้องอาศัยจิตใจ
เป็นตัวควบคุมหรือสั่งการ เพราะใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถึงกระนั้นก็ตาม แม้จิตใจตนเองก็ต้องมีสติความระลึกรู้ และสัมปชัญญะ
ความรู้สึกตัว คอยก�ากับอีกชั้นหนึ่ง จึงจะไม่เกิดความผิดพลาดพลั้งเผลอ บุคคลเมื่อมุ่งมั่นท�าความดี ควรท�าให้ต่อเนื่อง
จนกลายเป็นอุปนิสัย ท�าบ่อยๆ และรักษาความดีนั้นไว้ให้มั่นคง อย่าให้กิเลสใด ๆ มาเป็นเงื่อนไขในการกระท�า เพราะความดี
ที่ตนท�านั่นแหละ ย่อมก่อให้เกิดผลดีคือความสุข ขณะเดียวกันหากท�าความชั่ว ผลที่ได้รับก็คือความทุกข์เช่นกัน
ดังนั้น จึงควรเร่งสร้างความดี หมั่นเพิ่มพูนความดี และพยายามรักษาความดีนั้นไว้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม
ตามพระประสงค์กันเถิดในชีวิตแล้ว
จัดท�าโดย กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.
หน้า ๑๖ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔

