Page 19 - 5may64
P. 19

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter


                                              ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ


                                            เรื่อง...สงบอยู่กับธรรมชาติ

                     ชีวิตในแต่ละวันของคนเรา ส่วนมากสาละวนอยู่กับการทำามาหาเลี้ยงชีพ บางคนที่ฉลาดและมีอุบาย  ก็สามารถพบความสงบใจ

              ได้ไม่ยาก  แต่บางคนถึงแม้จะเป็นคนฉลาดเช่นกัน แต่ไม่อาจพบความสงบใจได้เลย เพราะมัวยุ่งอยู่กับงานทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ที่จริง
              ความสงบนั้นมีอยู่แล้วตามธรรมชาติหากเราเข้าถึงก็จะได้รับความสงบเย็น โดยไม่เหลือวิสัย
                     ความสงบเย็นและเป็นสุขทางใจนั้นมีและหาได้จากการทำางานประจำาวันนั่นเอง  เพราะความสงบเย็นเป็นเรื่องที่มีอยู่ในธรรมชาติ
              เพียงแต่ให้เราตระหนักรู้ตามความเป็นจริง  ทำางานไปตามปกติ  มีอิสระแยกใจออกจากความยุ่งวุ่นวายนั้นให้ได้  งานก็ดำาเนินไปตามปกติ

              ของงาน ผู้ทำางานก็ไม่เดือดร้อนหรือกังวลใจใดๆ  ผู้รู้ได้เสนอแนะวิธีการฝึกฝน ในการอยู่กับธรรมชาติให้สงบสุข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
              ก็สามารถทำาได้ทุกเวลาทั้งหลับตาหรือลืมตา ดังนี้
                     ๑. ท�าความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ให้มองหาที่นั่งหรือที่ยืน ทำาความรู้สึกว่าร่างกายของเรากำาลังสัมผัสอยู่กับที่นั่งหรือยืนนั้น
                     ๒. ส�ารวจร่างกาย คือ ถ้านั่งให้รับรู้ที่ก้นสัมผัสกับที่นั่ง นั่งหลังตรง หรือยืนตรง แต่ไม่ใช่ยืนตัวแข็งทื่อ ให้มั่นใจว่าเท้าสัมผัส

              อยู่กับพื้น เชื่อมโยงตัวเรากับโลก ลืมตามองไปให้รอบๆ ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน แล้วค่อยๆ หลับตาลง หรือจะลืมตาทำาความรู้สึกตัวก็ได้
                     ๓. เชื่อมโยงจิตกับลมหายใจ คือสติจับลมหายใจที่เคลื่อนออกอย่างแผ่วเบา ให้เห็นอาการเข้าออกของลมและความรู้สึกให้รู้สึก
              อาการหายใจเข้าหายใจออกเหมือนเราดื่มนำ้าเย็นไหลผ่านลำาคอลงสู่ลำาไส้ ก็ได้
                     ๔. ตามลมหายใจออก คือเมื่อหายใจออกจนสุด ก่อนที่เราจะหายใจเข้า จะมีช่วงว่างที่เราหยุดหายใจ ช่วงเวลานั้นจะเกิด

              ความรู้สึกตัวอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่เราทำาก็คือตามลมหายใจออกให้สุด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้นให้เพียงแต่เฝ้าสังเกตและให้กลับมาอยู่กับ
              ลมหายใจ เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็เพียงทำาความรู้สึกรับทราบแล้วก็ปล่อยวาง รับทราบแล้วก็ปล่อยวาง ให้ฝึกทำาบ่อยๆ เป็นประจำา และ
              สมำ่าเสมอ
                     ถ้าฝึกฝนและทำาได้อย่างนี้แล้ว ทุกคนก็สามารถพบความสงบเย็น เป็นอิสระ และที่สำาคัญมีปัญญา คือเกิดความรู้สึกตัว

              ทั่วพร้อมได้ในทุกอิริยาบถ และในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ไม่เชื่อลองทำาดูเถิด


                                                  เรื่อง...ปริศนาธรรม
                      พุทธศาสนามุ่งสอนให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจในกฎแห่งไตรลักษณ์  นั่นคือความไม่เที่ยงแท้ถาวร  ความแปรปรวนตั้งอยู่ได้ไม่

              นาน และความมิใช่ตัวตนของสรรพสิ่งทั้งหลาย แม้ในงานสวดพระอภิธรรมศพ วัดบางแห่งจะสอนธรรมะผ่านตาลปัตร ด้วยการปัก
              ข้อความเรียงกันว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจไปในทางเดียวกันว่าหมายถึงความตายเท่านั้น
              อันที่จริงแล้วข้อความดังกล่าวแฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมสอนใจชาวพุทธ ดังนี้

                      ๑. ไปไม่กลับ หมายถึงกาลเวลา ที่หมุนผ่านไป ไม่มีวันหวนกลับ อดีตล่วงไปแล้ว เหลือแต่ปัจจุบันควรใช้เวลาสร้างแต่ความ
              ดีให้คุ้มค่า เวลาของชีวิตคนเราไม่ใช่สิ่งที่ยืนยาว จึงควรดำารงตนด้วยความไม่ประมาทในวัยและชีวิต
                      ๒. หลับไม่ตื่น หมายถึง คนที่ยังหลงอยู่กับโมหะ คือความหลงในกิเลส สร้างแต่บาปกรรมไม่ยอมทำาความดี เหมือนคนที่
              หลับใหล ไม่ยอมตื่นรับรู้ตามความจริง

                      ๓. ฟื้นไม่มี หมายถึง สังขารของเราที่ร่วงโรยไป ในแต่ละวัน ไม่สามารถย้อนคืนความหนุ่มความสาวได้ กายสังขารย่อมเสื่อมโทรม
              ไปตามกาลเวลา ดังคำากล่าวที่ว่า “ดวงตากลมเคยคมวาว ก็ขุ่นขาวเป็นฟางฝ้า ฟันเคยเรียบเหมือนระเบียบมุกดา ก็กลับมาเหลือแต่เหงือก
              แดงๆ เส้นผมที่เคยดำาขลับ ก็กลายกลับมาแลดูขาวเป็นแป้ง เนื้อหนังเคยตึงประหนึ่งผิวแตง ไม่นานก็จะเหี่ยวแห้งไม่จำาเริญนัยน์ตา”
                      ๔. หนีไม่พ้น หมายถึงกรรม ที่เราสร้างมาในแต่ละวัน ไม่มีวันที่เราจะหนีกรรมนั้นพ้น เรามีกรรมเป็นของ ๆ ตน เรามีกรรม

              เป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำากรรมอันใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่ว เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น
              อย่างแน่นอน
                      ปริศนาธรรมดังกล่าวมุ่งสอนให้เกิดปัญญา ทั้งปัญญาในทางโลก ที่มีความสำาคัญและจำาเป็นต่อการประกอบสัมมาชีพและปัญญา
              ในทางธรรมอันเกิดจากการฝึกฝนอบรมทางจิต จนสามารถที่จะหยั่งรู้สภาพความเป็นไปของชีวิต รู้เห็นตามความเป็นจริง เป็นปัญญาที่ทำาให้

              เกิดความดับทุกข์ ทำาให้ชีวิตหลุดพ้นจากการวนเวียนอยู่ในกองทุกข์ ได้อย่างแท้จริง

               จัดทำาโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.

                                              ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๓ เล่มที่  ๕  เดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๔  หน้า ๑๗
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24