Page 23 - 7jul64
P. 23
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ
เรื่อง...ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงท�า
พุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งความว่า “นิสัมมะ กะระณัง เสยโย” แปลว่า “ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงท�าดีกว่า” หมายความว่า
จะกระท�าการใดๆ ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนเสมอ หากขาดการใคร่ครวญด้วยดีก่อนแล้ว ย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย
เมื่อผิดพลาด อาจน�ามาซึ่งความเสียหาย เสียชื่อเสียง เสียการงาน เสียชีวิต เสียเวลา เสียงบประมาณ หรือเสียศีลธรรม เป็นต้น ฉะนั้น
“จงคิดทุกสิ่งที่ท�า แต่อย่าท�าทุกสิ่งที่คิด” คนที่คิดทุกสิ่งที่ท�า คือการคิดให้ดีก่อนลงมือท�าย่อมผิดพลาดน้อย หรือ “อยู่คนเดียว
จงระวังยั้งความคิด อยู่ร่วมมิตรจงระวังค�าขาน” คือให้รู้จักเตือนตนก่อนจะท�า คิด หรือพูดใดๆ นั่นเอง ปุถุชนหรือสามัญชน
ย่อมยังยินดีในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันเป็นโลกธรรม ฝ่ายที่น่ายินดีพอใจ แต่ถ้าความปรารถนายินดีในโลกธรรมดังกล่าว
แรงเกินขอบเขตไป ก็จะท�าให้ไปตัดรอนความแรงแห่งแสงสว่างของปัญญาให้ลดน้อยลง จนถึงท�าให้มืดมิดไปได้ในบางเวลา
และเมื่อปัญญาอ่อนแสงลง ก็มีปัญญาน้อยหรือไม่มีปัญญาเลยที่จะพิจารณาใคร่ครวญก่อนจะท�าสิ่งทั้งปวงท�าให้เกิดโทษได้ง่าย
การพิจารณาหรือการใคร่ครวญแล้วจึงท�านั้น ก็คือการใช้สติปัญญาดูเหตุดูผลให้รอบคอบ ท�าอย่างไรจะเกิดผลดี
ท�าอย่างไรจะเกิดผลเสีย พิจารณาใคร่ครวญให้รอบคอบจริงๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าท�าเช่นใดจึงจะได้เกิดผลดี แล้วลงมือท�าเช่นนั้น
เมื่อไม่แน่ใจ พึงใช้สติปัญญาหลีกเลี่ยงและไม่กระท�า เพราะการกระท�าที่ขาดการใคร่ครวญนั้น สร้างแต่ผลเสียฝ่ายเดียว
ดังค�าประพันธ์ที่ว่า
จงใคร่ครวญ ก่อนท�า ย�้าถูกผิด
เพราะชีวิต มีคุณค่า มหาศาล
ใช้สติ ตรึกตรอง ครองท�าการ
จะเบิกบาน ด้วยถูก ปลูกวิชชา
เรื่อง...โรคซึมเศร้า
ปัญหาสุขภาพจิต เป็นปัญหาส�าคัญของคนในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศที่เจริญแล้ว คนเป็นโรคเครียด
โรคซึมเศร้ากันมาก ตัวเลขขององค์การอนามัยโลก พบว่า มีคนเป็นโรคซึมเศร้า ๓๕๐ ล้านคนทั่วโลก ซึ่งถือว่ามากจนองค์การ
อนามัยโลกได้ให้ค�าขวัญในวันสุขภาพจิตโลก เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ว่า “โรคซึมเศร้า คือภาวะวิกฤตของโลก” และได้
รณรงค์ให้ทั่วโลกได้เห็นความส�าคัญของปัญหาสุขภาพจิตของคนในประเทศของตน
โรคซึมเศร้านี้ เป็นโรคหนึ่งซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงชีวิตของมนุษย์ เหมือนกับโรคทางกายอื่นๆ เช่น เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่เป็นนั้นจะเป็นคนอ่อนแอ ล้มเหลว หรือไม่มีความสามารถ
แต่เป็นเพียงการเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นได้โดยมีสาเหตุ เช่น การสูญเสีย การหย่าร้าง ความผิดหวัง และเกิดได้เองโดยไม่มี
สาเหตุใดๆ ซึ่งในปัจจุบันโรคนี้สามารถรักษาหายได้ด้วยการใช้ยา การรักษาทางจิตใจ หรือทั้งสองอย่างรวมกัน พุทธศาสนา
มองว่ามนุษย์มักเป็นโรคทางใจหรือป่วยใจได้ทุกคน เนื่องจากกิเลสและทุกข์นานาบีบคั้น การรักษาโรคด้วยบริหารใจให้ดี
จึงเป็นแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้
ดร.แดเนียล ซีเกล ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ได้จัดตั้งสถาบัน
“องค์กรดูใจตนเอง” คือ สอนให้เราดูใจตนเอง เพื่อเป็นเครื่องมือส�าคัญในการพัฒนาจิต พัฒนาสมอง งานขององค์กรนี้คือ
สอนประชาชนทั่วไป บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ปกครอง นักการศึกษา ผู้บริหารองค์กร ในการดูใจตนเองโดย
การเจริญสติตามแนวทางพุทธศาสนา ซึ่ง ดร.ซีเกล คิดค้นขึ้นโดยน�าเอาวิธีการทางจิตวิทยา และการเจริญสติมาผสมผสานกัน
วิธีการดูใจตนเอง ท�าให้เห็นอารมณ์และความคิดที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเอง ซึ่งจะท�าให้เราเห็นธรรมชาติของจิต
การท�างานของจิต เมื่อเรามองเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เช่น เห็นความโกรธที่เกิดขึ้นในใจเรา เพียงแต่เห็นเฉยๆ ไม่ต้อง
ท�าอะไร ความโกรธก็จะค่อยๆ ดับไปเอง หมายความว่าเราจะต้องฝึกสติให้มีก�าลัง เราจึงจะก�าหนดรู้ได้ทัน เวลามีอารมณ์
ไม่พึงปรารถนามากระทบ เราก็สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ใจไม่ไหลไปตามอ�านาจของกิเลสเรื่องเศร้าหมองทั้งหลาย นั่นเอง
จัดท�าโดย กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๗ เดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๔ หน้า ๑๙

