Page 10 - 8aug64
P. 10
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
อะไรคือความรู้ ???
โดย...น.ท.หญิง สุวพักตร์ เวศม์วิบูลย์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการอ�านวยการจัดการความรู้ พร.
ท่านที่เคยท�างานด้านการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) หรือ เคยได้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
KM เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า “ความรู้” ที่พูดถึงนี้ มันหมายความถึงอะไร บางคนบอกว่ามันคือ ต�ารา หนังสือ บางคนก็ว่า
คือความช�านาญที่อยู่ในตัวคน อีกคนบอกว่า มันคือผลลัพธ์ที่มาจากการวิจัย อีกคนบอกไม่ใช่ มันคือคู่มือปฏิบัติงาน
ต่างหาก ฯลฯ ค�าถามนี้ก็เกิดขึ้นกับผู้เขียนเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะท�างานการจัดการความรู้มานานนับ ๑๐ ปี ก็ยังรู้สึกสับสน
จนกระทั่งเมื่อ ก.พ.๖๔ ได้รับการอบรม KM Facilitator ที่คณะท�างานการจัดการความรู้ ทร.(สปช.ทร.) โดยมี อาจารย์สราวุฒิ
พันธุชงค์ ผู้อ�านวยการสถาบันบริหารสารสนเทศและการจัดการความรู้ สสจร. เป็นวิทยากร ได้สรุป จ�าแนกประเภทของความรู้
เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน จนกระทั่งผู้เขียนอยากน�ามาถ่ายทอดให้ท่านที่ก�าลังอ่านบทความนี้ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ร่วมกัน
“ความรู้” ในความหมายของการจัดการความรู้นั้นสามารถแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้
๑. ประสบการณ์ หมายถึง สิ่งที่เราได้กระท�ามันผ่านมาแล้วด้วยวิธีการต่างๆ จนกระทั่งเกิดผลลัพธ์จากการกระท�า
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเล็ก กิจกรรมใหญ่ ไปจนกระทั่งถึงโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจ�าแนกออกเป็น ๒ ลักษณะ ลักษณะที่ ๑
ผลลัพธ์ออกมาดีเกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ หรือ ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่คนอื่นท�าในกิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายกับของเรา
แบบนี้เรียกว่า Good หรือ Best Practice ลักษณะที่ ๒ ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เราคาดหวัง แบบนี้เรียกว่า
Lesson Learn
แล้ว “ความรู้”ที่มาจากประสบการณ์มันอยู่ตรงไหนล่ะ... มันก็อยู่ตรงที่ เราจะต้องน�าสิ่งที่เป็นทั้ง Best Practice
และ Lesson learn มา “ถอดบทเรียน” จุดประสงค์เพื่อให้ทราบว่า ที่เป็น Good/Best นั้นมีกระบวนการอย่างไร (How)
ใครบ้างที่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง (Who) ท�าอะไร (What) ท�าที่ไหน (Where) และท�าเมื่อใด (When) หากเป็น Lesson Learn
จุดประสงค์เพื่อการพัฒนา การถอดบทเรียนจึงควรเน้นว่า เพราะอะไรจึงท�าให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง (Why)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไร (When) อะไรท�าให้มันเกิดขึ้นแบบนั้น (What) เกิดขึ้นที่ไหน (Where) และเกิดขึ้นบ่อย/ถี่มากแค่ไหน
หรือความรุนแรงมีมากแค่ไหน (How much) นอกจากนั้นทั้ง ๒ ลักษณะ จะต้องพูดถึงปัจจัยที่ท�าให้เกิดความส�าเร็จ อะไรที่
ควรท�า อะไรที่ไม่ควรท�า และถ้าจะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่านี้จะต้องท�าอะไร อย่างไร สรุปว่า เนื้อหาที่ได้จากการถอดบทเรียนก็คือ
ความรู้ นั่นเอง
๒. ทักษะ (Skill) หมายถึง ความช�านาญที่อยู่ในตัวคน หรือภาษา KM เรียกว่า Tacit Knowledge เป็นความรู้ที่ฝังลึก
ในคน ยากต่อการดึงความรู้เหล่านี้ออกมาเขียนให้เป็นความรู้ชัดแจ้ง หรือ Explicit Knowledge และถึงแม้จะถอดความรู้
จากบุคคลนั้นมาได้ ก็ไม่ได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างของผู้เขียนเรื่องการเจาะเลือด มีพยาบาลบางคนเท่านั้นที่เจาะเลือด แล้วท�าให้
เราเจ็บน้อย ไปโรงพยาบาลทีไรก็จะคอยมองหาพยาบาลคนนั้นเสมอ ถ้าพยาบาลคนนั้นไม่อยู่ ก็รอมาเจาะวันอื่นก็ได้ (พอดี
เป็นคนกลัวเข็มฉีดยา) ดังนั้นการจะดึงเอาความรู้ที่เป็นทักษะออกมา จึงต้องอาศัยเทคนิควิธีการของการฝึกปฏิบัติร่วมกับ
ผู้มีความช�านาญในเรื่องนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการ Training, Mentor, Coaching, Job Shadow เป็นต้น เมื่อเราได้ความรู้ที่
เป็นทักษะจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว สิ่งที่เกิดในตัวเรา เรียกว่า สมรรถนะ หรือ Competency
๓. สารสนเทศ (Information) หมายถึง การจัดการกับข้อมูลที่มีอยู่แบบกระจัดกระจาย จัดกลุ่ม แบ่งประเภท
ให้ข้อมูลเหล่านั้นมีความหมาย ซึ่งก็ขึ้นกับว่าเราอยากรู้เรื่องอะไร ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสุขภาพประจ�าปีของเรา ส่วนสูง
ของเราคือ ๑๕๘ ซ.ม. น�้าหนักน้อยๆ ของเรา คือ ๖๐ กก. ค�านวณ BMI แล้ว คือ ๒๔.๐๓ ทั้งหมดนี้คือข้อมูล (Data) ที่มีความ
หน้า ๘ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔

