Page 17 - 8aug64
P. 17
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
วิจัยนั้น จะมีโรคความจ�าเสื่อมอยู่แล้ว น�าข้อมูลที่รวบรวมได้นั้นเป็นเวลา ๒ ปี โดยน�าทั้ง ๒ กลุ่มนั้น หรือผู้เข้าร่วมงานวิจัย
ทุกคน มาวัดความสามารถจดจ�าทางสมอง ตรวจการท�างานของสมองขั้นต้นตั้งแต่เริ่มท�าการวิจัย ส่วนในกลุ่มที่ ๒ นี้ คือการ
แนะน�าให้เปลี่ยนพฤติกรรม การกินอาหาร อย่างคร่าวๆ ก็คือพวกนี้จะรับประทาน พืช ผัก ผลไม้ให้มากขึ้น และบริโภค
เนื้อสัตว์ให้น้อยลง เปลี่ยนอันที่ ๒ คือออกก�าลังกายเป็นประจ�า อาจจะการออกก�าลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ คือมีการฝึกยก
น�้าหนักเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน เล่นกีฬา ออกก�าลังกายส่งเสริมสุขภาพจิต ก็คือการเต้นแอโรบิก ส่วนสุดท้ายก็คือ การออก
ก�าลังกายที่เสริมสร้างการทรงตัว รักษาสมดุลย์ของร่างกายให้ฝึกฝน ต้านการ
เวียนศรีษะขณะเคลื่อนไหว อาทิเช่น การเดินบนสะพานเชือก เป็นกิจกรรมที่
ช่วยการพยุง การทรงตัวให้สมดุล เวลาเดินไปบนสะพาน ตัวก็จะไม่โอนเอน
ไปทางซ้าย ทางขวา เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าน�้าหนักทรงตัวไปทางใด
ทางหนึ่งแล้วมันจะโอนเอน รักษาสมดุลไม่ได้ ก็จะตกลงจากสะพานเชือก เป็นต้น
ประโยชน์การฝึกการทรงตัว ก็ยังจะช่วยลดการพลัดตกหกล้มได้อีกทางหนึ่งด้วย
ลองนึกสิว่า สมัยเด็กๆ นั้น ที่บางคนอาจจะเคยเล่น เดินบนกะลามะพร้าว
แข่งขันเดินบนเส้นเชือกเส้นใหญ่ๆ เพียงหนึ่งเส้น และถ้าเป็นคนที่ชอบผาดโผน ไม่กลัวตายหน่อย ก็จะได้แก่ การเดิน
ไต่ลวดตามโรงละครสัตว์ หรือใช้ชีวิตจริงเป็นการโชว์เลย เอาลวดเส้นใหญ่พอสมควรเดินข้ามยอดตึกมีไม้ยาวใช้พยุงตัว มา
อันนี้ถือว่าเสี่ยงตายเกินไป เราไม่แนะน�านะ มาคุยกันเฉยๆ
หลังจากที่เริ่มเปลี่ยนแปลงการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน การกินที่เปลี่ยนไป มีการออกก�าลังกายที่เปลี่ยนไป ขั้นต่อไปก็คือ
การเปลี่ยนการใช้ชีวิตในเวลาว่างมาท�ากิจกรรมเสริมการกระตุ้นสมองซึ่งมีมากมายหลายหลาก คือเป็นการกระตุ้นให้สมอง
ได้คิด ได้ใช้ ได้น�าค�าสั่งมาปฏิบัติ เพื่อมาบรรลุความต้องการของจิตใจและร่างกาย และจะน�ามากล่าวถึงบางอย่างโดยการใช้
ค�าแนะน�าของคุณหมอสันต์ มาอ้างอิง กิจกรรมประมาณ ๙ ตัวอย่าง ด้วยกัน ก็คือ ๑) การค้นหาหนทางหรือเส้นทางที่เรา
จะเดินทางไปไหน โดยใช้ความจ�าของตัวเอง แต่ถ้าจ�าผิดก็ฝึกฝนการดูแผนที่แทน หลังจากนั้น ถ้าจะต้องเดินทางผ่านมาทางนี้
อีกครั้งหนึ่ง ก็ไม่ควรใช้อินเทอร์เน็ต หรือ Google หาเส้นทาง ซึ่งมันจะไม่ได้ฝึกฝนความจ�าของเราเลย ๒) ถ้าไม่มีโอกาสเดินทาง
ก็ให้มีการเรียนรู้ภาษาที่ ๒ ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จะเปิดโอกาสให้เราได้ใช้สมองทั้ง ๒ ซีก ซ้ายขวา ควบคู่กันไป
ฝึกคิด ฝึกจ�าค�าศัพท์ใหม่ๆ ไม่ซ�้าซาก จ�าเจ และไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ต่อกิจกรรมใหม่ๆ ที่เราเพิ่งเริ่มต้น ๓) ถ้าไม่ชอบเลย ก็อาจ
จะทดลอง เริ่มเรียนเล่นดนตรี เป่าขลุ่ย ตีกลอง ซออู้ ซอด้วง
เรียนรู้การเล่นดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรี หรือขับร้อง ร้องเพลง
จากคาราโอเกะก็เป็นได้ ๔) เริ่มต้นการเต้นร�า หรือถ้าเต้นร�า
เป็นอยู่แล้ว ก็แนะน�าจังหวะใหม่ให้มีท่าทางอื่นๆ ให้มากขึ้น
หรือถ้าไม่เคยเต้นร�า ก็เริ่มซะเลย ไม่ต้องเป็นจังหวะก็ได้
ดังรายงานของประเทศอังกฤษ เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว ได้เขียน
ลงวารสาร ฉบับก่อนๆ ว่าการเต้นร�าตามจินตนาการของเรา แบบไร้รูปแบบนั้น จะมีจังหวะหรือไม่มีจังหวะก็ได้ ก็จะสามารถ
ช่วยได้ แต่ถ้าท่านสงสัยว่าไม่มีคู่เต้นร�าก็ไม่จ�าเป็นอีก เริ่มกับตนเองบ้าง เต้นคนเดียวก็สนุกดี เปิดเพลงฟัง หรือแบบไม่มีเพลง
ก็ได้อีกเหมือนกัน แต่ขอให้มีการเคลื่อนไหวของอวัยวะในร่างกายของเราทุกส่วน ดั่งเช่นการว่ายน�้า ที่เราใช้ทุกส่วนของร่างกาย
เช่นกัน ๕) การท�างานวิชาชีพที่เคยท�ามาก่อน ท�าให้ซับซ้อนขึ้น เพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เช่น ถ้าเกิดว่ามีความรู้เป็นช่างไม้
ต่อเติมเสริมการสร้างสิ่งปลูกสร้างให้มากขึ้น หรือซับซ้อนขึ้น ถ้าไม่เคยท�าช่างไม้มาก่อน ก็ให้เริ่มท�าช้าๆ ซ่อมอุปกรณ์ไม้บ้าง
ก็เริ่มซ่อมแซมให้มากขึ้นไปทีละขั้นทีละตอนจะได้ไม่เบื่อกิจกรรมนั้น ๖) การเผชิญหน้าความท้าทายที่ยากล�าบาก ยกตัวอย่าง
เช่น การเดินทางกลับบ้านด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีเงินติดตัวไปซักบาทเดียว ซึ่งอาจจะท้าทายมากไปหน่อยโดยสร้าง
สถานการณ์ จะน�าตัวของท่านไปต่างจังหวัด ต่างอ�าเภอ แล้วก็บอกลูกหลานว่าไม่ต้องให้เงินติดตัวมา ตัวท่านจะหาทาง
กลับบ้านเอง อันนี้ก็ต้องคิดให้ดีหน่อย อาจจะอันตรายไปสักนิด อย่างเช่น พวกมิจฉาชีพ อาจจะจับตัวไปเรียกค่าไถ่ก็ได้
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ หน้า ๑๕

