Page 20 - 8aug64
P. 20

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter

                                          ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ


                                                เรื่อง...เวลากับชีวิต

                  เวลาเป็นสมบัติที่มีค่าของมนุษย์ วันหนึ่งเรามีเวลาเท่ากัน คือ ๒๔ ชั่วโมง หรือ ๑,๔๔๐ นาที หรือ ๘๖,๔๐๐ วินาที ค�าถามคือ
           เราได้ใช้สมบัตินี้ในทางที่เกิดประโยชน์หรือไม่ หรือปล่อยให้เวลาสูญเสียไป เพียงเพราะคิดว่าพรุ่งนี้ก็ได้ใหม่อีก เวลามีเยอะ

           เลยใช้อย่างฟุ่มเฟือย บุคคลผู้ประสบผลส�าเร็จล้วนแล้วแต่รู้จักใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด พระพุทธองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
           พวกเธออย่าปล่อยขณะให้ผ่านพ้นไป  เพราะคนที่ปล่อยขณะให้ผ่านไป  ย่อมเศร้าโศกในภายหลัง”  “กาลเวลาย่อมกินสรรพสัตว์
           พร้อมด้วยตัวของมันเอง” เพื่อเตือนพระสงฆ์มิให้ตั้งอยู่ในความประมาทนั่นเอง
                  เวลาจึงเป็นทรัพยากรชนิดเดียวที่ไม่อาจจะเก็บสะสมไว้ได้ เป็นสิ่งที่ผ่านไปเรื่อยๆ ผ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครจะสามารถ

           น�ากลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก  ผู้ที่เป็นนักบริหารเวลาที่ดี  ก็คือผู้ที่สามารถใช้เวลาท�าประโยชน์ให้มากที่สุด  ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป
           โดยมิได้ท�าประโยชน์  เพราะเมื่อเวลาช่วงใดผ่านไปโดยมิได้ท�าประโยชน์  ก็เท่ากับเป็นการปล่อยให้ชีวิตช่วงนั้นว่างเปล่า  ขาดจาก

           ประโยชน์ที่ควรจะได้ไป กลายเป็นช่วงชีวิตที่ไร้ค่า และไม่อาจจะย้อนกลับไปเติมความว่างเปล่าไร้ค่านั้นให้เต็มได้
                  มนุษย์นั้นเมื่ออายุมากขึ้นเท่าใดชีวิตย่อมสั้นลงเท่านั้น สิ่งที่ควรตระหนักคือ พึงท�าหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด กล่าวคือ
           มีบทบาทหน้าที่อย่างไรก็มุ่งมั่นท�าหน้าที่นั้นให้เต็มก�าลังสติปัญญาความสามารถ  อย่าทิ้งขว้างเวลา เพราะชีวิตที่ดีย่อมเกิดจาก
           การใช้เวลาอย่างเห็นคุณค่า และชีวิตที่มีคุณค่าย่อมเกิดจากการใช้เวลาที่ดี ดังบทประพันธ์ที่ว่า

                                        วันคืนไม่คอยท่า      วันเวลาไม่คอยใคร
                                        เรือเมล์และรถไฟ      ก็ต้องไปตามเวลา

                                        โอ้เอ้และอืดอาด      มักจะพลาดปรารถนา
                                        พลาดแล้วจะโศกา       อนิจจาเราช้าไป



                                                  เรื่อง...ยืนต้นตาย

                  เวลาปลูกบ้านคนโบราณมักจะให้ความส�าคัญเรื่องไม้พันธุ์ที่ควรหรือไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน ทั้งที่เราเห็นว่าสวยและให้

           ร่มเงา  เหตุที่คนโบราณเขาห้ามไว้ก็เพราะไม้บางพันธุ์มีโอกาสยืนต้นตาย  และโค่นล้มสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือน
           หรืออาจล้มทับผู้อยู่อาศัยอย่างไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นหากจะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ในบริเวณบ้าน ต้องคอยดูแลความปลอดภัย
           อยู่เสมอ ไม้ยืนต้นตายคือ อาการที่ต้นไม้บางชนิดตายแล้วแต่ยังไม่ล้ม อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น การขาดปุ๋ย ขาดน�้า

           รากเน่าเสีย ดินเป็นโพรง หรือถูกกานคือควั่นเปลือกและกระพี้โดยรอบออกแล้วตาย เป็นต้น มองธรรมชาติเป็นคติสอนใจ
           ไม้ยืนต้นตายเปรียบได้กับคนที่ขาดคุณธรรมจริยธรรมหล่อเลี้ยงจิตใจ  มีมิจฉาทิฐิ  เป็นฝ้าบังจักษุ  คือมีความคิดเห็นหรือ
           ความเข้าใจที่น�าไปสู่ความเสื่อม หมางเมินเรื่องถูกผิด เป็นเหตุให้ประพฤติปฏิบัติที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่สอดคล้องกับศีลธรรม

           อันดีงาม ปัจจัยที่ก่อให้เกิดมิจฉาทิฐิ มี ๒ ประการ คือ
                  ๑. ปรโตโฆสะที่ไม่ดีงาม หมายถึง ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่ไม่ดีงาม หรือไม่ส่งเสริมให้เกิดความเห็นความเชื่อ
           ในทางที่ถูก เช่น การรับฟังค�าแนะน�า หรือฟังค�าบอกเล่าชักจูงจากคนพาล คนในสังคมเห็นแก่ตัว ครอบครัวมีปัญหา

           การหย่าร้าง เป็นต้น
                  ๒. อโยนิโสมนสิการ หมายถึง การไม่ท�าใจให้แยบคาย หรือ ไม่รู้จักใช้ปัญญาพินิจวิเคราะห์ ท�าให้ไม่รู้แจ้งถึงเหตุ
           และผลแห่งความจริง จนกลายเป็นคนเขลา ซึ่งถูกชี้น�าไปในทางที่ผิด  มนุษย์ทุกคนมีโอกาสเห็นผิด แต่หากเคยเห็นผิด
           ในเรื่องใด  ก็ควรใช้เรื่องนั้นมาเป็นประสบการณ์อันส�าคัญของชีวิต  น�ามาปรับตัวปรับใจแก้ไข  และไม่ก้าวเข้าสู่วงล้อแห่ง

           ความผิดพลาดนั้นอีก กล่าวคือใช้วิกฤตเป็นโอกาสสร้างความเจริญรุ่งเรืองแห่งชีวิต นึกถึงผลแห่งกรรมที่จะตามมา เพราะความ
           เห็นผิดนี้อันตรายมาก เป็นเหตุน�ามาซึ่งอกุศลธรรมต่าง ๆ มากมาย เมื่อมีความเห็นผิดแล้ว ท�าสิ่งใดก็ผิดตามไปด้วย เหมือนเงา

           เฝ้าติดตามตัว สุดท้ายจะกลายเป็นคนยืนต้นตาย คือตายจากคุณงามความดีทั้งหลาย นั่นเอง

            จัดท�าโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.


       หน้า ๑๘  ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๓ เล่มที่  ๘  เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25