Page 22 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน ตุลาคม ๒๕๖๕
P. 22
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
รู้ไว้ใช่ว่า... การประสานงานย้ายผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล
ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
โดย...น.ท.หญิง นนทพรรณ มานักฆ้อง
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้กระทั่งการเจ็บป่วยที่มี หรือไม่มีสัญญาณ
มาก่อนก็ตาม เช่น อาการแขนขาอ่อนแรง แน่นหน้าอก เสียเลือดมาก หมดสติ เป็นต้น หากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้น
เกิดขึ้นในขณะที่ท่านอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั้งด้านเครื่องมือและบุคลากรในการรักษาก็ถือว่าเป็นบุญของท่าน
เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนั้น จะสามารถให้การรักษาท่านจนพ้นจากภาวะวิกฤตได้เป็นอย่างดี ใช้สิทธิ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
(UCEP) ได้ ๗๒ ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นผู้ป่วยหรือญาติอาจจะปรึกษาแพทย์ เพื่อขอย้ายไปรักษาต่อเนื่อง ณ โรงพยาบาล
ในพื้นที่ตามภูมิล�าเนา หรือตามสิทธิการรักษาพื้นฐานของตนเอง ก็เป็นสิทธิของผู้ป่วยที่พึงกระท�าได้ แต่... หากการเจ็บป่วย
หรือการบาดเจ็บนั้น เกิดขึ้นในขณะที่ท่านหรือบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ห่างไกลความเจริญและมีเพียงโรงพยาบาลประจ�าต�าบล/
อ�าเภอ ท่านจะท�าอย่างไร (ถึงตรงนี้ผู้อ่านลองซ้อมตอบค�าถามดูก่อนนะคะ)
การย้ายผู้ป่วยมีบริบทที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ผู้ที่ท�างานมูลนิธิและบุคลากรของห้องฉุกเฉินทุกโรงพยาบาล ก็อาจจะคุ้นชิน
กับการรับผู้ป่วยจากสถานที่เกิดเหตุหรือจากที่บ้านไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง หรือถ้าอาการป่วยเจ็บไม่หนักมาก สามารถระบุ
ให้พาไปส่งโรงพยาบาลที่มีสวัสดิการอยู่ก็ได้ ย�้านะคะ..ถ้าคุณยังมีสติสัมปชัญญะพอที่จะตัดสินใจอะไรได้ ให้เจ้าหน้าที่พาไปส่ง
โรงพยาบาลที่คุณมีสวัสดิการและเบิกค่ารักษาได้เถอะค่ะ หากปล่อยให้ความกลัวและความไม่รู้มาครอบง�าและปล่อยให้
เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ พาไปส่งโรงพยาบาลเอกชนราคาสูง อาการเจ็บป่วยอาจจะดีขึ้นโดยต้องแลกกับเงินในบัญชีที่ต้องหายไปด้วย
เช่นกัน มากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของการเจ็บป่วยเลยค่ะ เนื่องจากอาการที่ทุกโรงพยาบาลจะรับรักษาคุณโดยไม่เรียกเก็บ
ค่ารักษาตามสิทธิ์ UCEP จะมีเพียง ๖ อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤต เท่านั้น อีกโรคหนึ่งคือ ผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเหลืองหรือ
สีแดง ตามสิทธิ์ COVID UCEP Plus (มีผลบังคับใช้ ๑๖ มี.ค.๖๕ )
ในบริบทของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหม อาจนึกถึง
การส่งกลับสายแพทย์ ซึ่งหมายถึง “การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและ
มีประสิทธิภาพรวมถึงการดูแลเส้นทาง โดยบุคลากรทางการแพทย์
ต่อคนบาดเจ็บที่ส่งกลับออกจากสนามรบ รวมถึงผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ
ซึ่งอพยพออกจากที่เกิดเหตุเพื่อรับสิ่งอ�านวยความสะดวก
ทางการแพทย์ หรือผู้ป่วยในโรงพยาบาลชนบทที่ต้องการการดูแล
อย่างเร่งด่วนในสถานที่ที่มีอุปกรณ์ครบครัน โดยใช้ยานพาหนะ
ภาคพื้นดิน (รถพยาบาล) หรืออากาศยาน” หากตีความให้เข้าใจ
ง่ายๆ
“การส่งกลับสายแพทย์” ก็คือ การด�าเนินการส่งกลับผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถเหมาะสม โดยยึดหลัก
ความรวดเร็ว ปลอดภัย และต่อเนื่อง นั่นเอง
แม้ว่ากระบวนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจะมีการวางแผนปฏิบัติได้ดีเพียงใด มีความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์
และเทคโนโลยีเพียงใดก็ตาม อาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการพื้นฐานของญาติผู้เจ็บป่วยได้ หาก “กระบวนการประสาน
งานก่อนย้าย” ยังไม่สามารถท�าได้รวดเร็ว/ทันใจ ตามความคาดหวังของผู้รับบริการ จากสถิติการย้ายผู้ป่วยในปีงบประมาณ ๖๕
ของ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ระบุว่า สาเหตุการย้ายโรงพยาบาลขณะเป็นผู้ป่วยในที่พบมากที่สุดคือ เพื่อการรักษา
ต่อเนื่อง รองลงมาคือ ตามความต้องการของญาติ รักษาตามสิทธิ์ประกันสังคม และรักษาโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า
หน้า ๗ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๔ เล่มที่ ๑๐ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๕

