Page 15 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน พฤศจิกายน ๒๕๖๕
P. 15
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ผลจากการเฝ้าระวังเหตุการณ์ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อน พบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน จ�านวน ๒ เหตุการณ์ เป็น
นักเรียนทหารในพื้นที่ จว.สมุทรปราการ และทหารกองประจ�าการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผลการสอบสวนโรคของทีมปฏิบัติการ
สอบสวนโรค (JIT) กรมแพทย์ทหารเรือ พบว่าผู้ป่วยมีประวัติเสี่ยงจากการเดินทางในช่วง ๑๔ วันก่อนเริ่มป่วย ได้แก่ การไปศึกษา
ดูงานภายนอกพื้นที่และการลากลับเยี่ยมภูมิล�าเนา
ทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) พร. ขอแนะน�าข้อมูลการปฏิบัติตนในการป้องกันโรค ดังนี้
ลักษณะของโรค เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยมีลักษณะทางคลินิกที่ส�าคัญ คือ มีไข้สูง
แบบทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ส�าคัญที่สุดโรคหนึ่งในกลุ่มโรคติดเชื้ออุบัติใหม่
และโรคติดเชื้ออุบัติซ�้า เนื่องจากเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) มาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
เกือบทุกทวีป ท�าให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตนับล้านคน
สาเหตุของการเกิดโรค เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ซึ่งมี ๓ ชนิด (type) คือ A B และ C ไวรัสชนิด A เป็นชนิดที่ท�าให้
เกิดการระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก ไวรัสชนิด B ท�าให้เกิดการระบาดในพื้นที่ระดับภูมิภาค ส่วนชนิด C มักเป็นการติดเชื้อที่
แสดงอาการอย่างอ่อนหรือไม่แสดงอาการ และไม่ท�าให้เกิดการระบาด เชื้อไวรัสชนิด A แบ่งเป็นชนิดย่อย (subtype) ตามความ
แตกต่างของโปรตีนของไวรัสที่เรียกว่า hemagglutinin (H) และ neuraminidase (N) ชนิดย่อยของไวรัส A ที่พบว่าเป็นสาเหตุ
ของการติดเชื้อในคนที่พบในปัจจุบันได้แก่ A (H1N1), A (H1N2), A (H3N2), A (H5N1) และ A (H9N2) ส่วนไวรัสชนิด B ไม่มี
แบ่งเป็นชนิดย่อย การศึกษาด้านนิเวศวิทยาบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีก�าเนิดมาจากเชื้อไข้หวัดใหญ่
ของสัตว์ตระกูลนก (avian influenza virus) สัตว์นกน�้า (aquatic bird) เป็นแหล่งรังโรค (reservoir) เชื้อไวรัสสามารถแบ่งตัวได้
ในล�าไส้ของสัตว์ประเภทเป็ดป่า (wild duck) โดยไม่ท�าให้สัตว์เกิดอาการ สัตว์เหล่านี้ขับถ่ายเชื้อไวรัสจ�านวนมากออกมาพร้อม
อุจจาระ ในแต่ละปีจะมีลูกนกเป็ดน�้าจ�านวนมากเกิดขึ้นทั่วโลกลูกนกเหล่านี้ได้รับเชื้อไวรัสที่อยู่ในน�้า เมื่อลูกนกเป็ดน�้าโตขึ้นก็จะ
ย้ายถิ่นและแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปอย่างกว้างขวาง
วิธีการติดต่อ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดต่อทางการหายใจ โดยจะได้รับเชื้อที่ออกมาปนเปื้อนอยู่ในอากาศเมื่อผู้ป่วยไอ จาม
หรือพูด ในพื้นที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เช่น โรงเรียน โรงงาน การแพร่เชื้อจะเกิดได้มาก นอกจากนี้การแพร่เชื้ออาจเกิดโดย
การสัมผัสฝอยละอองน�้ามูก น�้าลายของผู้ป่วย (droplet transmission) จากมือที่สัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แล้วใช้
มือสัมผัสที่จมูกและปาก
ระยะฟักตัว ประมาณ ๑ - ๓ วัน
ระยะติดต่อ ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ ๑ วันก่อนมีอาการและจะแพร่เชื้อต่อไป อีก ๓ - ๕ วันหลังมี
อาการในผู้ใหญ่ ส่วนในเด็กอาจแพร่เชื้อได้นานกว่า ๗ วัน ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อ
ในช่วงเวลานั้นได้เช่นกัน
อาการและอาการแสดง อาการจะเริ่มหลังได้รับเชื้อ ๑ - ๔ วัน ผู้ป่วยจะมีไข้แบบทันทีทันใด (๓๘ ºC ในผู้ใหญ่ ส่วนในเด็ก
มักจะสูงกว่านี้) ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก และอาจพบอาการคัดจมูก เจ็บคอ ถ้าป่วยเป็นระยะ
เวลานานอาจจะมีอาการไอจากหลอดลมอักเสบ (post viral bronchitis) อาการจะรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา
(common cold) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน ๑ - ๒ สัปดาห์ แต่มีบางรายที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อน
ที่ส�าคัญคือ ปอดบวม ซึ่งอาจท�าให้เสียชีวิตได้ ผู้ที่เสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิต ได้แก่ ผู้ที่อายุ ๖๕ ปีขึ้นไป
เด็กที่อายุต�่ากว่า ๒ ปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยา
แอสไพรินเป็นเวลานาน หญิงตั้งครรภ์ระยะที่ ๒ หรือ ๓
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๔ เล่มที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๕ หน้า ๙

