Page 21 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน ตุลาคม ๒๕๖๖
P. 21
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
การตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ อาจท�าโดยการใช้ใบมีดขูดขุย หรือใข้เทปกาวใสแปะที่ผื่นขุย (Scoth tape
technique) แล้วน�าไปตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ (direct exam with 10% KOH or methylene blue) พบรากลม
และสายราขนาดสั้นๆ (thick-walled yeast cell with short fragmented hyphae ดูคล้าย spaghetti and
meatballs)
การพยากรณ์โรคเกลื้อน
โรคเกลื้อนเป็นโรคเชื้อราที่ผิวหนังชั้นนอกที่พบได้บ่อย ไม่เป็นอันตราย แต่มีผลต่อความสวยงาม ความมั่นใจ
ในการเข้าสังคม การรักษามักตอบสนองได้ดีต่อยาต้านเชื้อราทั้งในรูปแบบทา และรับประทาน สามารถรักษาให้หายขาดได้
เมื่อได้รับการรักษาแล้วผื่นจะหยุดลาม ปริมาณขุยลดลง แต่สีผิวที่ผิดปกติไป อาจใช้เวลาหลายเดือนจนกว่าจะกลับมาเป็น
สีผิวปกติ อีกทั้งโรคเกลื้อนยังมีอัตราการกลับมาเป็นซ�้าสูง ซึ่งมักเกิดจากการที่ยังมีภาวะเหงื่อออกมาก หรือจ�าเป็นต้อง
ใส่เสื่อผ้าอับชื้นเหงื่ออยู่ โดนเฉพาะในนักกีฬา ทหาร ต�ารวจ เป็นต้น
การรักษาโรคเกลื้อน
การรักษาโรคเกลื้อน ได้แก่
๑. ทายา
๑.๑ ยาต้านเชื้อราในรูปแบบยาทา เช่น ยาในกลุ่ม azole หรือหากผื่นมีปริมาณมาก อาจใช้ยา 20%
Sodium thiosulfate ในรูปแบบน�้าทาทั่วๆ โดยมักจะต้องทาต่อเนื่อง วันละ ๒ ครั้ง อย่างน้อย ๒ - ๔ สัปดาห์
๑.๒ สบู่หรือแชมพู ที่มีสารระงับการเจริญเติบของเชื้อรา เช่น 2% ketoconazole selenium sulfide
โดยแนะน�าให้ใช้ลูบทิ้งไว้บนผิวหนังที่เป็นเกลื้อนเพียงประมาณ ๕ นาทีแล้วล้างออก เพื่อลดการระคายเคือง
๒. ยาต้านเชื้อราในรูปแบบรับประทาน
ใช้ในกรณีผื่นมีปริมาณมาก หรือให้การรักษาด้วยยาทาแล้วยังได้ผลไม่ดี การกินยาต้านเชื้อราควรอยู่ภายใต้การดูแล
ของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงรุนแรงได้
๓. การดูแลสุขอนามัย และการป้องกันการกลับมาเป็นซ�้า
ใส่เสื้อโปร่งสบาย ไม่อับชื้น อาจพิจารณาใช้ยาลดเหงื่อในบริเวณที่เหงื่อออกมากหรืออับชื้น หลีกเลี่ยงการใส่
เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มที่ชื้นเหงื่อเป็นเวลานาน หมั่นอาบน�้า ช�าระร่างกายให้สะอาด ไม่มีเหงื่อไคลหมักหมม
A B C
ภาพแสดงอาการทางคลินิก A.) เกลื้อนที่แขนทั้งสองข้าง B.) เกลื้อนที่แผ่นหลัง กลากที่ขาหนีบและรักแร้ C.) รากลม
และสายราขนาดสั้นๆ (thick-walled yeast cell with short fragmented hyphae) ภายใต้การส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๕ เล่มที่ ๑๐ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖ หน้า ๖

