Page 14 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน มีนาคม ๒๕๖๖
P. 14
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
Waist-to-hip ratio (WHR)
จากข้อด้อยของ BMI ที่ไม่สามารถหาปริมาณไขมันในช่องท้อง จึงได้มีการศึกษาวัดสัดส่วนของร่างกายเพื่อหาปริมาณ
13
ไขมันในช่องท้องด้วยวิธีต่างๆ ในช่วงทศวรรษที่ 80 ได้มีผลการศึกษาจากสวีเดน 10,11,12 และสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบดัชนี
ชี้วัดปริมาณไขมันในช่องท้องพร้อมๆ กัน โดยใช้อัตราส่วนของรอบเอวต่อรอบสะโพก (Waist-to-hip ratio ; WHR) พบว่า
คนที่ WHR มีค่าสูงจะมีไขมันในช่องท้องสูง โอกาศที่อนาคตจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในโลหิตสูง
และโรคหลอดเลือดหัวใจก็จะมากตาม และมีความแม่นย�าในการท�านายมากกว่าค่า BMI ดังนั้นค่าดัชนีมวลกายจะบอกว่า
มีปริมาณเนื้อเยื่อไขมันโดยรวมมากน้อยเพียงใด การวัดสัดส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพกจะช่วยบอกว่าเรามีเนื้อเยื่อไขมันไป
สะสมยังส่วนใดของร่างกาย ถ้ามีมากในช่องท้อง จะเป็นน�้าหนักเกินที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคต่างๆ ดังได้กล่าวข้างต้น
ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index ; BMI) และ Waist-to-hip ratio (WHR)
การศึกษาในผู้ชาย ๖๔,๖๒๔ คน ได้วัดดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว และวัดปริมาณไขมันในช่องท้องด้วย CT-Scan
14
พบว่าที่ระดับดัชนีมวลกายเดียวกัน คนที่มีรอบเอวมากกว่า ๑๐๓.๕ เซนติเมตร จะมีไขมันในช่องท้องมากกว่า (รูปที่ ๒)
อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ท�าในเพศชายผิวขาวเท่านั้น ยังต้องรอการศึกษาในลักษณะเดียวกันในเพศหญิงและเชื้อชาติอื่นๆ
รูปที่ ๒ แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) ดัชนมวลกาย (Body mass index) และรอบเอว
Body fat percentage calculator (The US Navy Formula)
กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา โดย The Naval Health Research Center ได้คิดค้นการหาปริมาณร้อยละของไขมันใน
ร่างกาย (Body fat percentage) ด้วยการวัดน�้าหนัก ส่วนสูงและเส้นรอบวงของส่วนต่างๆ ของร่างกาย (Circumference
Body Composition Measurement) ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑. วัดส่วนสูง โดยไม่สวมรองเท้า ยืนตรง ศีรษะตั้งตรง และตามองตรงไปข้างหน้า
๒. วัดรอบเอว ในผู้ชายให้วัดที่ระดับสะดือ ส่วนผู้หญิงวัดเอวส่วนที่คอดที่สุด โดยให้สายวัดขนานกับแนวพื้น และ
แขนทั้งสองอยู่ข้างล�าตัวในท่าผ่อนคลาย
๓. วัดรอบคอ วัดที่ระดับใต้ท่อหลอดลม (Adam’s apple) โดยให้สายวัดตั้งฉากกับแกนตามยาวของล�าคอ ศีรษะ
ตั้งตรง ตามองไปข้างหน้า และไม่ย่อคอเพื่อให้คอกว้างขึ้น
๔. วัดรอบสะโพกเฉพาะผู้หญิง โดยวัดส่วนที่กว้างที่สุดของสะโพก เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่มีความหนา
๕. น�าค่าที่ได้(หน่วยเป็นนิ้วฟุต)มาเข้าสูตรค�านวณตามสูตร
ผู้ชาย : % body fat = 86.010 x log10 (abdomen - neck) - 70.041 x log10(height) + 36.76
ผู้หญิง : % body fat = 163.205 x log10 (waist + hip - neck) - 97.684 x log10(height) - 78.387
หรือใส่ค่าที่ได้ (หน่วยเป็นนิ้วฟุตหรือเซนติเมตร) ลงไปในแอพพลิเคชันตามรูปที่ ๓ จะได้ค่าร้อยละของไขมันใน
ร่างกาย (Body fat percentage) แล้วน�าค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบระดับสมรรถนะใน Body Fat Categories Table
๖. US Navy แนะน�าให้ท�า ๓ ครั้ง (ค่าที่วัดได้ในแต่ละครั้งไม่ควรแตกต่างกันมากกว่า ๒ เซนติเมตร) น�ามาหาค่าเฉลี่ย
เพื่อให้ได้ค่าที่มีความแม่นย�าสูงสุด ค่าที่วัดได้ถูกต้องจะมีความคลาดเคลื่อนเพียง ๓% เมื่อเทียบกับ เมื่อเทียบกับ Dual energy
15
Xray absorptiometry
หน้า ๙ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๕ เล่มที่ ๓ เดือน มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๖

