Page 22 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน มีนาคม ๒๕๖๖
P. 22

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter


                                                             แต่หลังจากมีการยกเลิกระบบทาสลง การขาดแคลนแรงงานจึงเป็น
                                                             ปัญหาส�าคัญและประกอบกับมีพืชตัวใหม่  คือ  ฝ้าย  มาทดแทน

                                                             ตอบปัญหา น�ามาใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าในเวลานั้นแทนการ
                                                             ปลูกเฮมพ์จึงทดถอยลงไป

                                                                     ไม่นาน หลังจากนั้น ในปี 1917 ก็มีนักประดิษฐ์ ชาวอเมริกัน
                                                             ชื่อ G W Schlichten ผลิตเครื่องจักรกลที่สามารถลดแรงงานได้เป็น
                                                             100 เท่า เป็นเครื่องจักรกลหลายแบบ โดยเฉพาะการลอกเปลือก
                                                             จากล�าต้น (decortication) จากนั้นจึงเริ่มมีการระดมปลูกเฮมพ์

      (animal bedding) วัสดุปกคลุมผิวดิน เป็นปุ๋ย และท�าเป็นยาได้  อีกวาระหนึ่ง ต่อมาก็มีการน�าพืชตระกูลเดียวกันนั้น เข้ามาเผยแพร่
      ในส่วนของล�าต้น (stalk) แปรรูปในอุตสาหกรรมเส้นใย (industrial  ในประเทศอเมริกา นั้นก็คือ กัญชา ซึ่งกัญชาจะมีสาร THC มากกว่า
      textiles) ท�าเชือก ท�าผ้าใบ (canvas) ท�าพรม ท�าตาข่าย แปรรูปใช้ใน 0.3% อาจมากถึง 18-30% ส่วนสาร CBD นั้นเป็นจ�านวนต�่ามากๆ

      อุตสาหกรรมกระดาษ กระดาษพิมพ์ กระดาษกล่องประเภทต่างๆ  THC ที่มีปริมาณสูงของกัญชา จะท�าให้เกิดอาการทางระบบประสาท
      เส้นใยท�าเป็นเสื้อผ้า กระเป๋าถือ ท�ากางเกง และรองเท้า เป็นต้น  อาการทางจิต รัฐบาลกลางจึงมีการแทรกแซง เข้มงวดการปลูก ท�าให้
      อีกส่วนหนึ่งที่เป็นแกนของล�าต้น  ก็น�าไปเป็นวัตถุดิบในการก่อสร้าง  ความนิยมในการปลูกเฮมพ์ ลดลงไปตั้งแต่ปี 1929 หลังจากนั้น

      ทดแทนไฟเบอร์กลาส (fiber glass) ฉนวนกันความร้อน (insulation)  ก็มีการออกกฏหมายควบคุมการปลูกกัญชาและเฮมพ์ในปี 1937
      สารหน่วงไฟ  (fire  retardant)  และท�าเป็นอะคริลิคได้  (acrylic)  การปลูกเฮมพ์จึงเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมากขึ้น จนกระทั่งเกิดสงครามโลก
      ล�าต้นมีความแข็งแรงคงทน เป็นเส้นใยที่แข็งแกร่ง ซึมซับน�้าได้ง่าย ครั้งที่สอง  มีการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์อีกครั้งเพื่อน�ามาใช้เป็น

      แห้งไว น�ากากที่เหลือจากการท�าเส้นใยผ้า (fiber-making process)  ยุทโธปกรณ์สงคราม (military goods) และเครื่องแบบทางทหาร
      ไปผสมกับปูนขาว (lime) และน�้า ก็จะแข็งเหมือนกับคอนกรีตเลย (uniform) และก็บูม (boom) ขึ้น แต่เป็นความนิยมเพียงระยะ
      ทีเดียว จากข้อมูลวิเคราะห์ พบว่า เฮมพ์ จะดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สั้นๆ หลังจากนั้นก็หมดความนิยมลงเพราะถูกควบคุมเรื่องสารเสพติด

      จากอากาศลงไปในดินได้  16  กิโลกรัม  ในพื้นที่หนึ่งตารางเมตร  ของประเด็นกัญชา จนกระทั่งในปี 2018 รัฐบาลกลาง โดยกระทรวง
      ตลอดวงชีวิตของเฮมพ์ประมาณ 120 วัน นั่นคือ สามารถลดภาวะ เกษตร ก็อนุญาตให้ปลูกเฮมพ์ได้ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ท�าได้ในเชิง
      โลกร้อนได้โดยรวม                                       พาณิชย์ และต่อมารัฐบาลกลาง ก็น�าเฮมพ์ออกจากกลุ่มยาเสพติด

              ในอดีตมีการน�าเฮมพ์มาใช้เป็นประโยชน์ต่อการด�ารงชีพ ประเภทหนึ่ง โดยใช้สาร THC น้อยกว่า 0.3% เป็นเกณฑ์มาตราฐาน
      ของมนุษย์มากกว่า  10,000  ปีที่แล้ว  จากหลักฐานที่ปรากฏของ เฮมพ์จึงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่งจนเมื่อปี 2019 ประมาณ 49
      ประเทศจีน ได้น�ามาใช้เป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม มามากกว่า 6,000 ปี  รัฐของอเมริกา  ก็รับรองเฮมพ์ปลูกอย่างเสรี  และขายอย่างเสรี

                            และก่อน 150 ปี ก่อนคริสต์ศักราช (B.C.)  ข้ามเขตของแต่ละรัฐได้ โดยถูกต้องตามกฏหมาย จากสถิติการปลูก
                            ได้มีการดัดแปลงเส้นใยของเฮมพ์มาใช้ ของกระทรวงเกษตรอเมริกา พบว่าปี 2019 นั้นมีการปลูกประมาณ
                            เป็นกระดาษ เป็นการติดต่อสื่อสารกัน  จ�านวน 140,000 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ เท่ากับ 2.5 ไร่) และคาดว่า

                            หลักฐานยืนยันว่าได้มีการปลูกเฮมพ์ การปลูกเฮมพ์นั้นจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นไปอีก 18% ในปี 2026
                            ที่ประเทศอเมริกา ตั้งแต่สมัยก่อนเป็น     จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของเฮมพ์นั้นมีมากมายนอกเหนือ
                            เอกราชสมัยที่ยังเป็นเขตการปกครอง  จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ประโยชน์หลักนอกเหนือจากท�า CBD oil
                            อาณานิคมของประเทศอังกฤษ และมี แล้วก็น�ามาเป็นสารที่ท�าพลาสติกแบบย่อยสลาย (biodegradable

      กฎหมายจากประเทศอังกฤษระบุไว้ว่า  พื้นที่ที่เป็นอาณานิคมของ plastic)  ได้  ลดภาวะโลกร้อนคือมีการดึงคาร์บอนไดออกไซด์
      อังกฤษ จะต้องปลูกเฮมพ์ในพื้นที่ 10% ของความเป็นเจ้าของของ จากบรรยากาศเข้าสู่ดิน  และปรับปรุงสภาพดินโดยดูดโลหะหนัก

      พื้นที่ของตน  จนกระทั่งเมื่อสมัยอเมริกาประกาศเอกราช  โดย จากในดิน ขึ้นมาอยู่ในบริเวณต้น และปรับปรุงดินโดยไม่ต้องมีการ
      ประธานาธิบดีคนแรก จอร์จ วอชิงตัน ก็น�าเฮมพ์มาปลูกในพื้นที่เกษตร ไถพรวน เพื่อเพิ่มอากาศให้ในดินได้เป็นอย่างดี ระบายน�้าไม่ให้แฉะ
      บริเวณบ้านตนเอง เพื่อท�าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มเช่นเดียวกัน แต่ปัญหา และเราก็ได้รู้จักพืชมหัศจรรย์  เฮมพ์  แบบกระชับของอเมริกา
      ของเฮมพ์ คือจะต้องใช้แรงงานจ�านวนมากในการเก็บเกี่ยว แปรรูป  เรียบร้อยแล้ว เมืองไทยก็คงไม่ยากที่จะเริ่มต้น

      ซึ่งสมัยนั้นยังมีการใช้ทาสเป็นแรงงานที่ช่วยเหลืออยู่  ก็ยังด�าเนินต่อไปได้

                ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๓  เดือน มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๖
       หน้า ๑๗
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27