Page 20 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน เมษายน ๒๕๖๖
P. 20
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ส่วนในเรื่องของแนวทางใช้พลังงานสะสม ก็ให้ตั้งโจทย์ว่า มองเห็นมีน�้าอยู่ถังใหญ่ ๒๐๐ ลิตร ถังหนึ่ง ด้านบนก็มีก๊อก
เติมน�้า ด้านล่างสุดหรือก้นถังก็มีก๊อกระบายน�้าออก ตอนนี้มีน�้าอยู่ครึ่งถัง ทุกเช้าก๊อกเติมน�้าด้านบนจะถูกเติม และก๊อกระบายน�้า
ด้านล่างจะถูกก�าจัดไปทุกคืน ก่อนนอน ด้วยปริมาณที่เท่ากัน ไม่มีการสะสมเพิ่มน�้าในถังให้สูงกว่าครึ่ง แต่ถ้าวันใดไม่มีการ
สมดุลยเกิดขึ้น เติมน�้ามากเกินระบายน�้าได้ไม่ดี ระดับน�้าก็จะมากกว่าครึ่งถังไปเรื่อยๆ เปรียบเสมือนอาหารที่เรากินเข้าไป
ถูกย่อยเปลี่ยนในรูปพลังงาน เมื่อร่างกายได้รับมาในตอนเช้าวันใหม่ก็ควรใช้พลังงานให้หมดในแต่ละคืนก่อนเข้านอน คือเติม
พลังงานโดยการกินให้พอดีกับการใช้พลังงาน ถ้าใช้พลังงานไม่หมด ธรรมชาติจะเปลี่ยนเป็นพลังงานสะสมในรูปของไขมัน
น�าออกมาใช้ได้ในภาวะร่างกายขาดแคลนพลังงาน ไขมันนี้ก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังกินอาหารเกินความจ�าเป็น เกินความ
ต้องการของร่างกายเรา ผลลัพธ์คือ น�้าหนักตัวท่านเองจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทฤษฎีฟังดูดีมากเชียว แต่ทางปฏิบัตินั้นก็มีโอกาสยากที่ทุกคนจะปฏิบัติได้ ทั้งมานั่งค�านวณ
อาหารไว้ กินเข้าไปเท่าไหร่ ใช้พลังงานเท่าไหร่ อีกครั้ง เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากในแต่ละมื้อ
กินอาหารให้เพียงพอ ไม่ควรหิวโหย และไม่ควรอิ่มเกินไป เอาแบบอิ่มพอดี มีคุณภาพ ไม่เกินสัดส่วนของ
ความต้องการทางร่างกายประจ�าวัน ดังนั้นทุกมื้อก่อนกินอาหาร ก็ควรจะคิดประโยคเดียวว่า “กินให้
เพียงพอ” หรือว่าคนบางคนเชื่อว่า กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน กินมากเกินไปจะรู้ได้อย่างไรว่าเพียงพอ
ค�าตอบคือ น�้าหนักตัวไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ต่างจากปกติ ดังตัวอย่าง น�้าในถัง ๒๐๐ ลิตร ที่มีระดับอยู่เพียง
ครึ่งตลอด
บอกได้เลยว่าอาหารแต่ละมื้อนั้น มีการเพิ่มพลังงานเหลือเฟือแน่นอน นึกภาพตามการสังเกตกิจกรรมที่เราท�า
ในแต่ละวันทั้งหมด ตั้งแต่ตื่นนอน ลุก เดินเข้าห้องน�้า อาบน�้า เคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวง เดินออกจากบ้าน ขับรถ ขึ้นรถเมล์
เดินเข้าที่ท�างาน เดินขึ้นบันได เดินไปนั่งเก้าอี้ เปิดจอคอมพิวเตอร์ แล้วก็นั่งๆ เดินๆ นิดหน่อย แล้วก็กินข้าวเที่ยงกับเพื่อน
ยืนรอรถเมล์กลับบ้าน เดินไปที่จอดรถ เดินกลับบ้านเดินภายในบ้านอีก เข้านอน จะเห็นว่ากิจกรรมต่างๆ มีการเคลื่อนไหว
ตลอดทั้งวัน ในการเดินนั่ง ลุก ยืนนั้น ก็ใช้พลังงานไม่หมด จึงจ�าเป็นต้องใช้พลังงานให้มากขึ้น โดยการออกก�าลังกายเพิ่มเติม
วันเว้นวันก็เพียงพอแล้ว
การใช้พลังงานของร่างกายเพิ่มเติม ไม่มีใครรู้ว่าจะท�าอะไรที่เหมาะสมกับตัวเอง คนที่ยังไม่เคยออกก�าลังกายมาก่อน
ก็ต้องค้นหาตัวเอง ซึ่งไม่ยากอะไร หาตัวช่วยก่อน หาเพื่อน ชวนเพื่อนหรือคนรู้จัก ไปเดินออกก�าลังกายด้วยกัน ถ้าไม่มีจริง
ก็ลุยด้วยตัวเอง เดินก่อน แล้วเดินเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน และอย่าเอา
ตัวเราเองนั้นไปเปรียบเทียบกับคนอื่นในเรื่องการออกก�าลังกาย
มันจะท�าให้เรารู้สึกว่าเราไม่เหมาะสม และไม่อยากออกก�าลังกายต่อไป
ความชอบของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน การออกก�าลังกายตามความชอบ
ของคนอื่น สิ่งที่เราชื่นชอบ สนุกสนาน รื่นเริง สบายใจในการกระท�า
เราจะรู้สึกมีแรงจูงใจ ท�าให้เรารักษากิจกรรมนั้นๆ เอาไว้เป็นประจ�า
ทั่วไป นั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกายแบบต่างๆ
ตั้งแต่เดิน นั่ง ลุก ยืน เต้นระบ�า ร�าฟ้อน ก้าวย่าง ร�าแบบมวยจีน
มวยไทย เตะแบบมวยไทย เต้นแบบไร้สาระ หรือเต้นในจังหวะ ก็ถือว่า
เป็นการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น การที่เราชอบ เราเริ่มใส่ใจ เริ่มปรับเปลี่ยน
ความคิด ท�าให้เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดกับตัวเอง ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จนสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจ�าวันที่ต้องด�าเนินไปพร้อม
กับอายุที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่ไม่คิดมากคือ ชอบดูทีวี ถ้าเป็นคนชอบนั่ง
ดูทีวีเฉยๆ จะไม่ได้เป็นการใช้พลังงานเลย แต่ถ้าเกิดนั่งดู แล้วยกขาขึ้น
ลงขณะนั่งดูทีวี หรือยืนดูทีวี เดินแกร่งแขวนสูงๆ อยู่กับที่ซัก ๒๐ นาที
หน้า ๑๗ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๕ เล่มที่ ๔ เดือน เมษายน พ.ศ.๒๕๖๖

