Page 10 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน พฤษภา ๒๕๖๖
P. 10

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter




                     โรคหลอดเลือดอักเสบฮีน็อคชอนไลน์ เพอพูรา

                                หรือโรคหลอดเลือดอักเสบไอจีเอ


                   (Henoch-Schönlein purpura or IgA vasculitis)


                                        โดย... พญ.นภาภัส  โยธคล กุมารแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่ม กลุ่มงานกุมารเวชกรรม

                                        โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ

               โรคหลอดเลือดอักเสบฮีน็อคชอนไลน์  เพอพูรา  (Henoch-Schönlein  purpura)  หรือโรคหลอดเลือดอักเสบไอจีเอ
        (IgA vasculitis) เป็นโรคหลอดเลือดขนาดเล็กอักเสบที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก พบได้ในเด็กทุกช่วงอายุ แต่มักพบบ่อยในช่วงอายุ

        ๔ - ๖ ปี พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงเล็กน้อย ผู้ป่วยมักมีอาการตามหลังการติดเชื้อ โดยพบว่าเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจ
        ส่วนต้นร้อยละ ๓๐ - ๖๕ และพบว่าสัมพันธ์กับบางฤดูกาล โดยพบโรคนี้ได้มากขึ้นในช่วงฤดูหนาว

        สาเหตุและกลไกการเกิดโรค

               ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคนี้จะมีภูมิคุ้มกันชนิดอิมมิวโนโกลบิวลินเอ
        ผิดปกติ ท�าให้เกิดภูมิคุ้มกันเชิงซ้อนไปเกาะที่หลอดเลือดขนาดเล็ก ท�าให้เกิดภาวะหลอดเลือดอักเสบ

        อาการของโรค

               โรคหลอดเลือดอักเสบฮีน็อคชอนไลน์ เพอพูรา มักมีอาการร่วมกันหลายระบบ โดยอาการแต่ละระบบอาจแสดงออกไม่
        พร้อมกัน โดยแบ่งตามระบบได้ดังนี้

                       -  อาการระบบผิวหนัง  พบในผู้ป่วยทุกราย  ผู้ป่วยมักมีผื่นลักษณะเป็นผื่นนูนแดง  กดไม่จาง  ไม่คัน  ผื่นมักขึ้น
        บริเวณขา ก้น หรือบริเวณที่เคยมีการถูกกดทับมาก่อน เช่น หลัง หรือใบหู บางครั้งอาจพบลักษณะของผื่นได้ตั้งแต่จุดเลือดออก
        เล็กๆ ไปจนถึงผื่นจ�้าเลือดขนาดใหญ่ และอาจพบการบวมบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบร่วมด้วยได้

                       - อาการระบบข้อ กล้ามเนื้อและกระดูก อาจพบอาการปวดข้อหรือข้ออักเสบได้ร้อยละ  ๕๐  -  ๘๐  มักพบ
        อาการบริเวณข้อเข่าและข้อเท้ามากที่สุด อาจพบข้อบวม เจ็บเมื่อขยับข้อ โดยอาการปวดข้อมักหายได้เองในสัปดาห์แรก

                       - อาการระบบทางเดินอาหาร  พบได้ประมาณ ๒ ใน ๓ ของผู้ป่วย อาการพบได้ตั้งแต่ความรุนแรงน้อย ได้แก่
        คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องเป็นพักๆ ถ่ายเหลว ไปจนถึงรุนแรงมาก ได้แก่ ปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ล�าไส้
        กลืนกัน ตับอ่อนอักเสบ ล�าไส้ทะลุ

                       - อาการระบบไต พบได้ประมาณ  ๑ ใน ๓ ของผู้ป่วย แต่เป็นระบบที่มีภาวะแทรกซ้อนได้มาก อาการพบได้
        ตั้งแต่ ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ ปัสสาวะปนเลือด ปัสสาวะเป็นฟองเนื่องจากมีโปรตีนรั่ว ภาวะไตท�างานผิดปกติ ความดัน

        โลหิตสูง บวม หรือภาวะไตวายได้ โดยอาจมีอาการระบบไตพร้อมผื่น หรือพบภายหลังได้
                       - อาการระบบอื่นๆ เช่น ภาวะอัณฑะอักเสบในเด็กชาย ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บบริเวณอัณฑะ ร่วมกับอาจมีอัณฑะ
        บวมแดง ส่วนภาวะที่พบได้น้อย เช่น หลอดเลือดในปอดอักเสบ หลอดเลือดในสมองอักเสบ


        การรักษาและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
                  ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง การรักษาหลักจึงเป็นการรักษาตามอาการ ได้แก่ การพัก ลดการเดินหรือวิ่ง การให้

        สารน�้าและรักษาสมดุลเกลือแร่อย่างเหมาะสม อาจให้ยาลดอาการปวด หรือยากลุ่มต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal
        anti-inflammatory drugs ; NSAIDs) เป็นระยะเวลาสั้นๆ ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อหากไม่มีข้อห้ามใช้ ส�าหรับการรักษาด้วยยา
        กลุ่มสเตียรอยด์อาจมีความจ�าเป็นในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือมีอาการอักเสบในอวัยวะส�าคัญ เช่น อาการปวดท้องรุนแรง

        เลือดออกในทางเดินอาหาร ไตอักเสบรุนแรง อัณฑะอักเสบ ภาวะหลอดเลือดในปอดหรือในสมองอักเสบ ซึ่งต้องอาศัยการวินิจฉัย
        จากแพทย์



       หน้า ๖   ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๕  เดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๖
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15