Page 4 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน พฤษภา ๒๕๖๖
P. 4
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
อาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็น
หมอรักษาคนไข้ ไม่ว่าจะคนมีคนจนใครมาหาก็ทรงตรวจ
รักษาให้ทั้งสิ้น ทรงตั้งชื่อพระองค์เองว่า “หมอพร” ถ้าคนไข้
มาหาเองไม่ได้ ทรงเสด็จไปหาหรือ ให้รถไปรับโดยใช้
รถยนต์คันเล็กที่พระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานให้ ตั้งชื่อว่า หมอพร ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์
“อเนกผล” บางครั้งก็เสด็จออกแวะเยี่ยมคนไข้ โดยมี ทดลองตัวยากับสัตว์ก่อนน�าไป
“เรือนหมอพร” เป็นสถานที่ออกตรวจ พระโอรสธิดาช่วยถือกระเป๋ายาและเครื่องมือตามไปด้วย ใช้รักษาผู้ป่วย
รักษาประชาชน ที่เจ็บไข้ ย่านวังนางเลิ้ง โดยมากเสด็จโดยล�าพัง เวลานั้นนายทหารเรือป่วยกันมาก
ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ไม่ค่อยไปโรงพยาบาล ใครป่วยก็มาหา หมอพรจะตรวจ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ และจ่ายยาให้โดยไม่คิดค่ายา ที่หายก็มีและที่ป่วยหนัก
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ในนาม หมอพร ตายไปก็มี
หุ่นขี้ผึ้ง “หมอพร”
สมุนไพรในคัมภีร์อติสารวรรค เครื่องบดยา ล่วมยา ภาพ คัมภีร์อติสารวรรค
โบราณากรรมและปัจจุบันกรรม และหินบดยา โบราณกรรมและ ขนาดเท่าพระองค์จริงประดิษฐาน
ที่ยังคง ใช้ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ปัจจุบันกรรม ในพระอิริยาบททรงงานในห้อง
ทดลองส่วนพระองค์
ส�าหรับการรักษาประชาชนทั่วไปนั้นมีเรื่องเล่ากันว่า มีครอบครัวจีนส�าเพ็งรายหนึ่งสามีที่ก�าลังป่วยหนักเหมือนจะเป็นวัณโรค
ซึ่งเรียกกันในสมัยนั้นว่า ฝีในท้อง และใกล้ตายอยู่แล้ว บุตรภรรยาได้น�าไปหาหมอมามากมาย ทั้งไปเสาะแสวงหาตามวัดวาอาราม
มาอาบมารดกันแล้วก็ไม่มีทางจะกระเตื้องขึ้นเลย อาการมีแต่ทรงกับทรุด บ่ายวันหนึ่งปลอมพระองค์เป็น “หมอพร” เสด็จเข้าไป
ในส�าเพ็ง รู้ถึงหูภรรยาของคนเจ็บ เมื่อรู้ว่าเป็นหมอพรก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปกราบที่พระบาท ร้องไห้ร้องห่มขอให้ช่วย
ชีวิตสามี จะเสียเงินทองเท่าไหร่ก็ยอม หมอพรจึงไปช่วยพินิจพิเคราะห์ตรวจเถ้าแก่ใหญ่ที่ก�าลังหายใจครอกๆ อยู่ หลังจาก
พิจารณาด้วยความถี่ถ้วนแล้ว ก็ท�าพิธีเป่ามนต์และท่องบ่นคาถาอยู่พักนึง แล้วได้อัญเชิญคุณพระมาท�าน�้ามนต์และรดให้คนไข้ พร้อมกับ
ประทานยาไทยขนานหนึ่งไว้ให้แล้วหมอพรก็อ�าลาไป ต่อมาช่วงเวลาไม่นานนักพระองค์ก็เสด็จไปเยี่ยม ผลปรากฏว่าอาการของ
คนไข้กระเตื้องขึ้นอย่างทันตา เถ้าแก่ที่มีเงินทองมากมายได้ลุกขึ้นมากราบพระบาท เรียกภรรยาให้เอาเงินมาถุงนึงเพื่อจะมอบให้
พระองค์เป็นค่ารักษา แทนที่พระองค์จะรับไว้กลับโบกพระหัตถ์ว่าพระองค์ไม่ใช่หมอประเภทเห็นแก่เงิน “ขอให้คนไข้น�าเงินนั้น
ไปท�าสาธารณะประโยชน์ต่อไป” เศรษฐีจึงได้น�าเงินนั้นไปในใช้ในการสร้างศาลาการเปรียญที่วัดแห่งหนึ่ง

