Page 11 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน มิถุนายน ๒๕๖๖
P. 11

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter




                 ทั้งนี้ อาจใช้เกณฑ์การวินิจฉัย ของ Hanifin & Rajka และ Clinical practice guideline for atopic dermatitis

           ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยดังตารางแนบ
                 อาจพิจารณาการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ในผู้ป่วยบางรายที่อาการไม่ดีขึ้นหลังให้การรักษาตามมาตรฐานแล้ว เช่น การทดสอบ

           ทางภูมิแพ้ ได้แก่ การทดสอบทางผิวหนัง skin prick test, patch test การเจาะเลือดตรวจ specific IgE ต่อสารก่อภูมิแพ้
           การท�า oral challenge test และ การทดสอบการแพ้อาหารในเด็กอายุน้อย

           การพยากรณ์โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
                 โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่มีอาการเรื้อรัง โดยส่วนมาก

           มักมีอาการตั้งแต่เด็กๆ และอาจหายได้เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ มีเพียงส่วนน้อย
           ที่จะมีอาการเรื้อรังต่อเนื่องจนถึงวัยผู้ใหญ่  ทั้งนี้ปัจจุบันพบว่า  ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
           อาจเริ่มมีอาการเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วก็ได้  (Adult  onset/late  onset  atopic

           dermatitis)  ซึ่งพบว่า  มักมีผื่นผิวหนังอักเสบเด่นที่มือ  เปลือกตา  คอ  รอบปาก
           รอบรูทวาร และข้อพับแขน ข้อมือ ผื่นมักมีความหนากว่า (more lichenified)

           และไม่ค่อยตอบสนองต่อยาทา                                          ภาพแสดงต�าแหน่งและการกกระจายของผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
                                                                             ตามแต่ละช่วงอายุ
           การรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง                                     ที่มา : Fitzpatrick’s Dermatology 9th ed

                 ๑. การปรับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม ได้แก่ การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ หลีกเลี่ยงอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
           เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว อาบน�้าอุณหภูมิห้องหรือน�้าเย็น ไม่ใช้สบู่ก้อน ไม่ใช้สบู่ anti-septic ไม่อาบน�้านานหรือแช่น�้า ทา

           ครีมให้ความชุ่มชิ้นกับผิวหลังอาบน�้าทันที
                 ๒. ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์
                      ๒.๑ การทายากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ เหมาะกับช่วงที่มีอาการก�าเริบ โดยควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

           เนื่องจากมีความจ�าเป็นต้องใช้ยาเป็นเวลานาน และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ อาจพิจารณาท�าการ occlusion หรือ wet wrap
           therapy ในรายที่มีอาการก�าเริบรุนแรงได้

                     ๒.๒ การรับประทานยาคอร์ติโตสเตียรอยด์ แนะน�าให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อยาทา
                 ๓. ยาทากลุ่ม calcineurin inhibitors ได้แก่ tacrolimus และ pimecrolimus เหมาะกับผิวหนังบริเวณที่บาง เช่น
           หน้า  คอ  ซอกพับ  สามารถทาได้ระยะยาวอย่างปลอดภัย  ผลข้างเคียงน้อยกว่าคอร์คิโคสเตียรอยด์  และสามารถใช้ทาเพื่อป้องกัน

           การกลับมาเป็นซ�้าได้ (proactive therapy) แต่ราคาค่อนข้างสูง
                 ๔. การฉายแสงอาทิตย์เทียม (Phototherapy) การใช้แสง ultraviolet ทั้งในช่วง ของ UVB (เหมาะกับผื่นระยะเรื้อรัง)

           และ UVA1 (เหมาะกับช่วงที่ผื่นก�าเริบเฉียบพลัน) แนะน�าให้ใช้ในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ หรือผู้ป่วยเด็กที่มีอายุมากกว่า ๑๒ ปี
                 ๕. ยากดภูมิคุ้มกัน มักใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายในกรณีที่อาการรุนแรงมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษามาตรฐานทั่วไป
           ได้แก่การใช้ยาในกลุ่ม methotrexate cyclosporine azathioprine และ mycophenolate mofetil เนื่องจากมีผลค้างเคียง

           และต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน

                 ปัจจุบันมียาในกลุ่ม biologics ได้รับการจดทะเบียนให้ใช้ในโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ เช่น Dupilumab (IL-4Ra inhibitor :
           dual IL-4/IL-13 signaling blockade) และ JAKs inhibitors (baricitinib) ซึ่งจากการศึกษาพบว่าให้ผลการรักษาที่ดี

           แต่เนื่องจากราคาสูง และยังต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากการใช้ยาต่อไป
                 ๖. การรักษาอื่นๆ

                    ๖.๑ ยาต้านฮิสตามีนชนิดรับประทาน  อาจพิจารณาให้เพื่อบรรเทาอาการคันและช่วยให้หลับได้ดีขึ้น
           (sedating effect)
                    ๖.๒  การให้ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อรา ย่าฆ่าเชื้อไวรัส ในกรณีที่มีการติดเชื้อซ�้าซ้อน


                                              ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๖  เดือน มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖   หน้า ๘
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16