Page 3 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน มิถุนายน ๒๕๖๖
P. 3

ค�าประกาศพระเกียรติคุณ

                       พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
                                                    เนื่องใน “วันอาภากร”

                                                    ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖
                 ในโอกาสที่  “วันอาภากร”  ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ  พลเรือเอก  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าอาภากร
           เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ “องค์บิดาของทหารเรือไทย” ได้เวียนมาบรรจบครบรอบ ๑๐๐ ปี ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม

           ๒๕๖๖  ผมขอเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมน้อมร�าลึกถึงพระกรุณาของพระองค์ท่าน  ที่ทรงมีต่อกองทัพเรือและประเทศชาติ
           โดยพร้อมเพรียงกัน
                 พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประสูติเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม

           ๒๔๒๓ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช ๒๔๓๖
           ภายหลังจากเหตุการณ์การรบที่ปากแม่น�้าเจ้าพระยา ร.ศ.๑๑๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
           โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์  ซึ่งในขณะนั้นมีพระชนมายุ  ๑๓  ชันษา  เสด็จไปทรงศึกษา

           วิชาการทหาร ณ ประเทศอังกฤษ อันเป็นประเทศต้นแบบของการทหารเรือ พระองค์ท่านจึงนับเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์แรก
           ที่ได้ศึกษาวิชาการทหารเรือในต่างประเทศ
                 ณ  เวลานั้น  กิจการของทหารเรือในด้านต่างๆ  ยังมิได้มีรากฐานมั่นคง  และนายทหารเรือที่เป็นคนไทยที่มีความรู้

           วิชาการทหารเรือมีจ�านวนน้อย  ต้องว่าจ้างชาวต่างประเทศมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยต่างๆ  ของกรมทหารเรือ  เมื่อพระองค์ทรง
           ส�าเร็จการศึกษา  ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๓ ทรงเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือด้วยพระปณิธานอันตั้งมั่นที่จะปฏิรูปและพัฒนา
           การทหารเรือให้มีรากฐานที่มั่นคง  เข้มแข็ง  และเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ  ขณะที่ทรงด�ารงต�าแหน่งรองผู้บัญชาการ
           กรมทหารเรือ พระองค์ได้ทรงจัดระเบียบราชการกรมทหารเรือขึ้นใหม่ ส่งผลให้การปฏิบัติไม่ซ�้าซ้อน และการปกครองบังคับบัญชา

           มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทรงจัดท�าโครงการป้องกันประเทศทางด้านทะเล อันประกอบด้วยความต้องการก�าลังรบทางเรือและ
           แนวความคิดในการใช้ก�าลังทางเรือ ซึ่งถือเป็นแผนการทัพฉบับแรกของกรมทหารเรือ ทรงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนนายเรือ

           ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น  และได้น�านักเรียนนายเรือ  ออกฝึกภาคต่างประเทศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์  โดยเรือหลวงมกุฎราชกุมาร
           ซึ่งใช้ก�าลังพลประจ�าเรือที่เป็นคนไทยทั้งหมด  เมื่อครั้งทรงด�ารงต�าแหน่งเสนาธิการทหารเรือ  พระองค์ทรงเห็นการณ์ไกลว่า
           บริเวณอ่านไทยตอนบนนั่น จุดยุทธศาสตร์ทางทะเลที่ดีที่สุด บริเวณอ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จึงทรงขอพระราชทานที่ดินที่สัตหีบ
           จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยก�าลังรบที่ส�าคัญของกองทัพเรือ

           จนถึงปัจจุบัน
                 นอกจากพระปรีชาสามารถด้านการทหารเรือแล้ว พระองค์ทรงศึกษาต�าราแพทย์แผนไทยอย่างจริงจัง ทรงศึกษาค้นคว้า

           ต�ารับยาแผนโบราณและรวบรวมลงในสมุดข่อยด้วยลายพระหัตถ์พร้อมกับเขียนรูปลงสีด้วยพระองค์เอง และทรงให้การรักษา
           ราษฎรที่เจ็บป่วยโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ จนพระเกียรติคุณในนาม “หมอพร” เป็นที่รู้จักไปทั่วทุกสารทิศ อีกทั้งทรงมีพระปรีชาสามารถ
           ด้านศิลปะทรงเขียนภาพลายไทยที่งามวิจิตรดังปรากฏในผนังโบสถ์วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท อีกทั้งทรงพระนิพนธ์
           บทเพลงทหารเรือที่มีเนื้อหาปลุกใจให้เข้มแข็ง เป็นการปลูกฝังนายทหารเรือให้มีความรักชาติ รักแผ่นดิน และมีความสามัคคี

           อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดีงามของหทารเรือ ซึ่งยังคงขับร้องกันอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
                 ในโอกาสวันอาภากร เวียนมาบรรจบครบรอบ ๑๐๐ ปี ในวันนี้ ผมขอให้ทุกท่านตั้งจิตอธิษฐานต่อดวงพระวิญญาณของ
           พลเรือเอก  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์  กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  ขอทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญของ

           ทหารเรือไทย รวมทั้งผู้เคารพรักทั้งปวงชั่วกาลนาน ขอพระองค์ท่านได้โปรดประทานก�าลังกาย ก�าลังใจแก่ทหารเรือทุกนาย
           ในการสานต่อพระปณิธานของพระองค์ที่ได้ทรงวางรากฐานไว้  และร่วมกันสร้างสรรค์กองทัพเรือให้มีความเจริญก้าวหน้า
           เพื่อเป็นก�าลังส�าคัญของประเทศชาติสืบไป



                                                                      พลเรือเอก

                                                                                   (เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์)
                                                                                    ผู้บัญชาการทหารเรือ
   1   2   3   4   5   6   7   8