Page 24 - nmdNewsletter-6112
P. 24

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter






                                              ธรรมะกับคติธรรม







                                            เรื่อง...การคิดทางบวก


                คนเราเกิดมาไม่มีใครรู้ได้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน  กี่เดือน  หรือกี่ปี  ในส่วนประโยชน์ตน  การท�าชีวิตให้อยู่อย่างมี
         ความสุขได้ จึงนับว่าคุ้มค่าที่สุด วิธีหนึ่งที่จะท�าให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ก็คือ ให้หัดคิดทางบวกไว้เสมอ การคิดทางบวกนี้

         ก็คือ การคิดในแง่ดีนั้นเอง เช่น คิดให้คนอื่นอยู่ดีมีสุข เผื่อแผ่ความรักความเมตตาไปสู่สรรพสัตว์ เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ เมื่อมี
         สถานการณ์ที่คับขัน หรือที่จะน�าไปสู่ความเครียด ก็ไม่หงุดหงิด หรือโวยวายกับสิ่งที่ไม่น่าชื่นชมนั้น แต่รู้จักคิดในอีกแง่หนึ่ง
         ที่ท�าให้เกิดความสบายใจทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเกี่ยวข้องด้วย
                ในทางสังคม  คนที่ได้ฝึกตนเองให้  “คิดทางบวก”  จนเป็นนิสัยนั้น  จะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี  มีอารมณ์ขัน  ไม่
         หงุดหงิดง่าย เป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้คบค้าสมาคมด้วย ท�าให้รู้สึกสบายใจ เมื่อได้เข้าใกล้ แต่ถ้าเป็นคน “คิดทางลบ” อยู่ร�่าไป

         ก็จะกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย ไม่มีใครอยากจะคบหาสมาคมด้วย นานวันเข้าก็อาจจะถูกทอดทิ้งให้อยู่เดียวดาย
         ไร้เพื่อนฝูง ต้องหงอยเหงา อยู่แต่เพียงล�าพัง
                มีค�าพูดว่า “คิดอย่างที่ต้องการคิด เป็นเสรีภาพอย่างหนึ่งของมนุษย์” หากมนุษย์ใช้เสรีภาพทางความคิดนี้ไปใน

         ทางที่ดี ประกอบด้วยปัญญา จนเป็นคุณแก่ตัวเองได้ ความสุขในชีวิตก็เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากเลย









                                      เรื่อง...ความส�าคัญการให้พร


                 มีของวิเศษอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งใคร ๆ ก็ให้กันได้โดยไม่ต้องกลัวหมด และฝ่ายผู้รับก็รับด้วยความเต็มใจ รับอย่างไม่รู้
          จักอิ่มจักพอ แม้ว่าสิ่งเดียวกันนั้น ตนจะเคยได้รับไว้แล้วจากใคร ๆ นับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม ของวิเศษที่ว่านั้นคือ พร

                 ค�าว่า  พร  ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  หมายความว่า  “ค�าแสดงความปรารถนาดี”  ซึ่งทุกคน
          สามารถให้กันได้ตลอดเวลา  ไม่จ�ากัดเฉพาะผู้ใหญ่ให้ผู้น้อยเท่านั้น  แม้แต่ผู้ที่อยู่ในฐานะเสมอกันหรือต�่ากว่าก็สามารถให้
          พรแก่กันและกันได้  ตัวอย่าง  เช่น  เพียงแต่เราพูดค�าว่า  สวัสดี  ก็ถือเป็นการให้พรกันแล้ว  พรที่จะส�าเร็จแก่ผู้รับนั้นมิใช่
          เพราะได้ฟังค�าพูดไพเราะจากผู้ให้พรเท่านั้น  แต่จุดประสงค์ของพรอยู่ที่การกระท�าความดี  ในทางพุทธศาสนา  กล่าวว่า
          พร ย่อมเกิดขึ้นแก่บุคคล ๒ ประเภท คือ

                 ๑. บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้
                 ๒. บุคคลผู้มีปกติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
                 ความดีทั้งสองประการนี้ ย่อมจะมีอานุภาพส่งผลให้ผู้ปฏิบัติเป็นคนมีความสงบ จิตใจ ราบรื่นได้รับความเมตตา

          ปรานีจากผู้อื่น




           จัดท�าโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.









       หน้า ๒๐    ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๐  เล่มที่ ๑๒ เดือน ธันวาคม  พ.ศ.๒๕๖๑
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29