Page 25 - 01-01-62
P. 25

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter



           ทางด้านไหน  ดังนั้นเมื่อไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาก็จะรู้ว่า  ระดับอุดมศึกษาได้โดยไม่มีการก�าจัดอายุ  (unlimited  age)
           ตัวเองควรจะต้องเรียนอะไรดี                            ของผู้ที่จะเข้ามาเรียน คือถ้าเกิดว่าอายุ ๕๐ หรือ ๖๐ ปี ก็มีโอกาส

                    พ่อแม่ส่วนใหญ่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงออกซึ่ง  ที่จะเข้าไปเรียนในระดับอุดมศึกษาได้ ถ้าผู้เรียนมีความประสงค์ และมี
           ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่   จะไม่ปิดกั้น จะไม่บ่งชี้ หรือว่า  เงินพอที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนสาขาไหนก็ได้  มหาวิทยาลัยไหนก็ได้
           บังคับให้ลูกของตัวเองเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้   แต่จะให้ข้อคิด  จะให้  ถ้าที่แห่งนั้นรับผู้สมัครไปเรียน ซึ่งแต่ละแห่งของการเข้าไปเรียนนั้น
           ข้อมูลกับลูกๆ  เพื่อจะไปพิจารณาและน�าไปตัดสินใจในการเรียน  ก็จะมีความต้องการและใช้คุณสมบัติของผู้สมัครเรียนต่างกันออกไป
           ระดับอุดมศึกษาต่อไป  แต่ถ้าเกิดว่าลูกของเขานั้นตัดสินใจที่จะ         การศึกษาในอเมริกาจึงไม่มีขีดจ�ากัดคุณภาพของคนที่

           ไม่เรียนต่อ ก็ไม่มีสิ่งใดที่ห้ามเขาได้  พ่อแม่และตัวลูกมีความเชื่อ  ศึกษา และผู้ให้การศึกษาคือคุณครู อาจารย์ มีความเป็นมาตรฐาน
           ความเข้าใจที่ตรงกันว่า หลังจากจบระดับมัธยมแล้วจะต้องไปเรียน  และการที่ผู้เรียนอยากจะเรียนรู้ก็สามารถเข้าใจในเรื่องแขนงต่างๆ
           ระดับอุดมศึกษาเป็นสิ่งไม่จ�าเป็นจะท�างานและมีครอบครัวเลยก็ได้  ที่ตนเองต้องการได้อย่างละเอียด มีอิทธิพลส่งผลไปถึงคุณภาพของ

           และการแสดงออกซึ่งความเป็นตัวเองสูงมีการแสดงความเป็น   แต่ละบุคคล  ความตระหนักรับผิดชอบต่อสังคม  ในเรื่องของการ
           ตัวของตัวเองอย่างแท้จริงโดยไม่มีการถูกบังคับทั้งด้านอื่นแต่อย่างใด  ฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือคอร์รัปชั่น (corruption) การติดสินบน
                   สิ่งที่ท�าให้เด็กอเมริกันนั้นมีความแตกต่างและตัดสินใจ  ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม บทลงโทษกฎหมายก�าหนดเข้มงวด
           ที่จะท�า  กล้าท�า  ก็คือ  ความเป็นอิสระในเรื่องของความคิดและ  และมีผลอย่างรุนแรง  จึงมีข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นจ�านวน
           การกระท�า  แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบของระบบกฎหมายซึ่ง   น้อยมากๆ ที่จะคอร์รัปชั่นในหน่วยงานของรัฐ

           หมายความว่าถ้าเด็กอายุ ๑๘ ปี ก็จะบรรลุนิติภาวะ แล้วสามารถ          ยกตัวอย่างง่ายๆ ในเรื่องของการรับใบสั่งในการขับรถเร็ว
           ท�าอะไรได้ตามใจของตัวเอง  พ่อแม่ไม่สามารถที่จะมาควบคุมได้  ในเขตจ�ากัดความเร็ว   ต�ารวจออกใบสั่งให้ ถ้าเราติดสินบน (bribe)
           ไม่มีสิทธิเหนือลูก  แต่ถ้าต�่ากว่า  ๑๘  ปี  คือเด็กเกิดท�าความผิด  ต�ารวจ ขอเสียค่าปรับน้อยลงหรือไม่ต้องเขียนใบสั่งให้เขาแล้วให้ค่า

           ไปท�าร้ายคนอื่น  ไปลักขโมยของ  ตามกฎหมายพ่อแม่จะเป็นคน  น�้าร้อนน�้าชากาแฟไป  เราโดนเพิ่มอีกหนึ่งกระทงเป็นสองกระทง
           ถูกรับเคราะห์แทน  หรือแม้กระทั่งจะถูกลงโทษ  ถูกปรับอะไร  ซึ่งเป็นการกระท�าที่ผิดข้อก�าหนดอย่างร้ายแรง  เสียค่าปรับเพิ่ม
           ประมาณนั้น  แต่ไม่ได้ติดคุกแทนลูกนะ  เช่นในกรณีว่า  เด็กอายุ  มากมาย อาจจะถึง ๕๐๐ ถึง ๑,๐๐๐ เหรียญ ต่อค่าปรับขับรถเร็ว
           ๑๕ ปี เด็กอเมริกันไปยิงคนอื่น ท�าให้เกิดเสียชีวิต พ่อแม่ไม่ได้ติด  ๑๕๐ เหรียญ ดังนี้เป็นต้น ถึงแม้ว่าขณะที่ติดสินบนนั้น เจ้าหน้าที่
           คุกแทนเด็ก เด็กนั้นจะต้องถูกพิจารณาจากศาล แล้วเด็กจะต้อง  ของรัฐ  (government  officer)  มีอยู่คนเดียว  และผู้ต้องหา

           ถูกกักกัน  ปรับปรุงนิสัย  ดัดสันดาน  ในตัวบทกฎหมายพ่อแม่  (suspect)  มีอยู่คนเดียว เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่คอร์รัปชั่น (corruption)
           จะต้องรับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายเรื่องของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง  เพราะตระหนักและรู้ดีว่าสังคมที่เขาอยู่มีความสุข ไม่โลภมากเกินกฎ
           ที่ท�าให้บุคคลที่สาม บุคคลอื่นเสียหาย  ในเรื่องนั้นศาลจะเป็นคนสั่ง  และได้รับการเรียนรู้ในเรื่องการศึกษานั้น ส่งผลให้การตัดสินใจของ

           เช่น ถ้าเกิดว่าเด็กอายุ ๑๕ ไปยิงคนตาย คนที่ตายนั้นมีครอบครัว  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  ด�าเนินตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด  ไม่ผิดกฎ
           ที่จะต้องเลี้ยงดู มีลูกสองคน คนตายเป็นหัวหน้าครอบครัว ก็เลย  ยิ่งไปกว่านั้น (more over) ในส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐก็จะนึกว่า
           เหลือแม่และลูกสองคนครอบครัวนี้สามารถเรียกร้องสิทธิ์ค่าใช้จ่าย  สิ่งที่กระท�านั้นเป็นสิ่งที่ผิดต่อสังคมที่เขาอยู่  และจะรู้สึกละอาย
           ในการเลี้ยงดูบุตรของเขาได้จากศาล  ซึ่งพ่อแม่ของเด็กที่กระท�าผิด  (ashamed) ต่อการกระท�าทั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง
           ต้องรับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งหมด การดูแลของครอบครัวนั้น          เราจะเห็นได้ว่าการศึกษาเป็นสิ่งส�าคัญที่สุดของบุคคล

           เป็นจ�านวนเงินมากพอควร เป็นต้น สรุปว่าพ่อแม่ต้องรับผิดชอบลูก  แต่ละคนที่จะได้รับรู้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ รับรู้ความมีส่วนร่วม
           ของตน  ไปจนถึงอายุ  ๑๘  ปี  หลังจากนั้นก็ไม่ต้องรับผิดชอบ  และแบ่งปันให้กับสังคม  เพื่อการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
           การกระท�าใดๆ อีกต่อไป ซึ่งท่านอาจจะเห็นจากการน�าเสนอจาก  ของทุกๆ  คน  ดังนั้นเราเริ่มกันตั้งแต่วันนี้  (from  now  on)

           ภาพยนตร์ต่างๆ   ว่าพ่อแม่นั้นพยายามผลักไสไล่ส่งลูกจริงให้อายุ  แบ่งปันสิ่งที่สามารถจะช่วยเหลือให้กับสังคมได้ สังคมเราจะน่าอยู่
           ๑๘ ปี เร็วๆ  ส�าหรับคนที่อายุ ๑๘ ปีแล้ว ตัดสินใจจะไปท�างานก่อน   มากขึ้น  ไม่ใช่เพื่อเราแต่อย่างเดียว  แต่เพื่อรุ่นลูก  รุ่นหลาน
           แล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ในระดับอุดมศึกษาภายหลังก็เป็นไปได้   และรุ่นต่อๆ ไป
           ในส่วนค่าเล่าเรียนของระดับอุดมศึกษานั้น  รัฐบาลไม่ได้สนับสนุน
           ดังนั้นภาษีโรงเรียนที่พูดถึงนี้ เฉพาะระดับประถมและมัธยมศึกษา

           เท่านั้นที่เรียนฟรี  ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยต้องเสียเงินหมด
           จึงเป็นค�าตอบที่บอกว่าหลังอายุ  ๑๘  สามารถกลับเข้ามาเรียน

                                                     ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๑  เล่มที่ ๑ เดือน มกราคม  พ.ศ.๒๕๖๒ หน้า ๑๖
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30