Page 24 - 01-07-62
P. 24

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter





                                        ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ





                                        เรื่อง...ปฏิเสธตัวเองเสียบ้าง


                 คนเป็นจ�านวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากการไม่รู้จักปฏิเสธ หรือไม่กล้าหาญพอที่จะปฏิเสธผู้อื่น
         อาจเป็นเพราะความเกรงใจหรือความต้องการตอบแทนพระคุณ หรือการปฏิเสธตนเอง แม้ในเรื่องผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย
         ผิดขนบธรรมเนียมประเพณีก็ไม่กล้าปฏิเสธ  ผลตามมาคือความเดือดร้อน  คนเราจึงต้องรู้จักปลูกฝังความกล้าหาญให้
         เพียงพอที่จะต้องปฏิเสธเมื่อพิจารณาไตร่ตรองแล้วเห็นว่า ควรปฏิเสธ มิเช่นนั้นแล้วความเกรงใจหรือความใจอ่อนไม่กล้า
         ปฏิเสธก็จะน�าความยุ่งยากแก่ชีวิตเราเสมอ
                 การปฏิเสธที่ส�าคัญที่สุดก็คือการปฏิเสธตัวเอง  ซึ่งในที่นี้หมายถึงการหักห้ามใจตัวเอง  ผู้ที่สามารถปฏิเสธตัวเอง
         ได้นับว่าเป็นยอดคน เพราะจะต้องใช้ ทมะ คือความข่มใจอย่างแรงกล้าเนื่องจากใจคนจะมีธรรมชาติ ๒ อย่าง อยู่ภายใน
         คือ  ธรรมชาติฝ่ายสูงและธรรมชาติฝ่ายต�่า  ความคิดฝ่ายสูงจะให้ความคิดและความรู้แก่เราในทางที่สร้างสรรค์และเป็น

         ประโยชน์ แต่ความคิดฝ่ายต�่าจะชักน�าเราไปทางที่ผิด ไร้สาระ และเข้าข้างตัวเอง คนส่วนมากมักจะพ่ายแพ้แก่ธรรมชาติ
         ฝ่ายต�่า ก็เพราะไม่เข้มแข็งหรือไม่กล้าหาญพอที่จะปฏิเสธตัวเอง จึงตกอยู่ในอ�านาจของโลภะ โทสะ และโมหะตลอดเวลา
                 พระพุทธศาสนาสอนว่า การเอาชนะคนอื่นได้ยังไม่ถือว่าเป็นชัยชนะแท้จริง เพราะชนะแล้วก็ยังมีโอกาสเกิดทุกข์
         ก่อเวรหรือกลับแพ้อีกได้  แต่บุคคลที่จะเรียกได้ว่าเป็นผู้ชนะเลิศนั้นจะต้องสามารถเอาชนะตัวเองได้ด้วยการรู้จักปฏิเสธ
         ตัวเองจากอ�านาจฝ่ายต�่า นั่นเอง







                                            เรื่อง...เพียงผู้โดยสาร


                 ผู้ที่เดินทางด้วยรถโดยสารประจ�าทาง  จ�าต้องจับจองตั๋วโดยสาร  เมื่อได้รับแล้วมักเกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็น
          เจ้าของที่นั่งตามหมายเลขในตั๋ว  หากมีใครมานั่งแทนที่  เราจะอ้างกรรมสิทธิ์ว่าที่นั่งตรงนั้นเป็นของเรา  ขณะที่ใช้บริการอยู่

          เมื่อยังไม่ถึงที่หมาย ก็เข้าใจว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอยู่ตราบนั้น แต่พอถึงที่หมายปลายทางก็จะลงจากพาหนะที่โดยสารนั้น
          ไปโดยไม่มีความอาลัย ประหนึ่งรู้ว่ากรรมสิทธิ์ของเรามีเพียงเท่านี้เองปล่อยให้ที่นั่งเป็นของคนอื่นต่อไป
                 หากจะเปรียบชีวิตเป็นการเดินทาง  ทรัพย์สินเงินทอง  ตลอดทั้งต�าแหน่งหน้าที่  เป็นต้น  ก็เปรียบเหมือนอุปกรณ์

          ส�าหรับโดยสาร  ในฐานะที่เป็นเครื่องช่วยให้ด�าเนินชีวิตไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ได้ง่ายขึ้น  แต่ข้อเท็จจริงมักเกิดปัญหาขึ้น
          ๒ อย่างคือ
                 ๑  ละเลย  คือ  ไม่ใช้อุปกรณ์โดยสารนั้นให้เกิดประโยชน์  เช่น  มีทรัพย์ก็ไม่ใช้ทรัพย์นั้นให้เกิดสาระแก่ชีวิต  มียศ
          มีอ�านาจก็ปล่อยให้โอกาสที่จะสร้างคุณประโยชน์หรือคุณงามความดีที่อยู่ในขอบเขตอ�านาจหน้าที่ตนพึงท�าได้ให้หลุดลอยไป
                 ๒  ยึดติด  ได้แก่  ลุ่มหลงหมกมุ่นจนเกินพอดี  บางครั้งก็ไม่ค�านึงถึงถูกผิดและความเหมาะสม  เต็มไปด้วยความ

          หวงแหนยึดมั่นประหนึ่งว่าแม้ตายก็จะเอาติดตัวไปด้วยได้
                 เมื่อจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม รถยนต์ที่โดยสารไป เป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยในการไป ไม่ใช่เป้าหมายที่จะไป ในข้อเท็จจริง
          เมื่อต้องลงจากรถโดยสาร จึงไม่มีใครอาลัยอาวรณ์หวงแหนยึดมั่นกับรถคันนั้น อีกทรัพย์สมบัติและลาภยศก็เช่นกัน คือเป็น

          เครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย ดังนั้น จึงต้องวางท่าทีในลักษณะที่ว่า ใช้ให้เกิดประโยชน์เมื่อได้ และไม่ทุกข์ใจเมื่อสูญเสียไปหรือ
          พลัดพรากไป

            จัดท�าโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.






         หน้า ๑๗    ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๑   เล่มที่ ๗ เดือน กรกฎาคม  พ.ศ.๒๕๖๒
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29