Page 23 - nmdNewsletter-6107
P. 23
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ธรรมะกับคติธรรม
เรื่อง...เพชฆาตในตัว
กล้วยเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นอาหารหลักประเภทหนึ่ง ซึ่งทุกท่านรู้จักดี เมืองไทยปลูกกล้วยกันเพื่อรับประทานและ
เป็นสินค้า กล้วยเป็นพืชปลูกง่าย บำารุงรักษาง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็วและลงทุนน้อย ในต้นกล้วยแต่ละต้นนั้น ถ้าเราพิจารณาถึงสาร
บางอย่างจะเห็นว่า คราวใดที่กล้วยออกปลี แสดงว่ากล้วยต้นนั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่นาน คล้ายกับว่าปลีกล้วยออกมาเพื่อฆ่า
ต้นของมัน สารที่ให้เกิดปลีก็มีอยู่ในตัวมัน จึงเท่ากับกล้วยทุกต้นมีเพชฌฆาตในตัว
มนุษย์เราก็เช่นเดียวกัน ถ้าจะพิจารณาดูให้ดีก็เหมือนกับต้นกล้วย คือเกิดมาพร้อมกับเพชฌฆาต เพชฌฆาตในตัวมนุษย์
คือความหิว ทั้งหิวกายและหิวใจ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าโรคใด ๆ เพราะความหิวที่เกิดอย่าง
รุนแรงกับบางคนจึงขาดธรรมะจะกระทำาชั่วต่าง ๆ ได้ ดังที่ทราบจากข่าวหนังสือพิมพ์เสมอ เช่น ลูกทรพีฆ่าพ่อแม่ ทรชนฉุด
หญิงสาวไปข่มขืนแล้วฆ่า จอมโจรปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ วัยรุ่นมองหน้ากันทะเลาะกันแล้วฆ่า กินเหล้าด้วยกันขัดคอกันแล้วฆ่า ขัดผล
ประโยชน์กันแล้วฆ่า เหล่านี้เกิดจากโรคหิวทั้งนั้น หิวเพราะรัก เพราะโกรธ เพราะโลภ และเพราะหลงจนขาดสติ ความหิวที่ซ่อน
อยู่ในตัวของแต่ละคนนั้นแหละคือตัวเพชฌฆาตที่เงื้อดาบคอยโอกาสจ้องฟันตัวเองให้ตายจากความดี ดังพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า
“ทุ่งนามีหญ้าเป็นโทษ หมู่สัตว์มีความหิวเป็นโทษ”
การที่จะปิดกั้นเพชฌฆาตคือความหิวที่ฝังอยู่ในตัวเรา มิให้เปิดหน้ากากแห่งความเหี้ยมโหดออกมานั้น จะต้องมีสติ
ตั้งสติให้รู้ทันตัวเองอยู่เสมอ แม้เป็นความหิวชนิดที่แสดงอาการรัก โลภ โกรธ หลง ออกมา ก็ให้มีสติรู้ทันอาการนั้น แล้วตัวความ
หิวนั้นจะอ่อนแรงลงเอง เหมือนไฟที่ขาดออกซิเจนจะดับไปเองฉะนั้น
เรื่อง...ผู้พิพากษา
ผู้ที่สดับรับฟังข่าวการบริหารบ้านเมืองจะได้ยินข่าวประเภทหนึ่งอยู่เสมอ คือมีการกล่าวหากันว่าผู้บริหารคนนั้นคนนี้มี
พฤติการณ์ทุจริตอย่างนั้นอย่างนี้ ผู้ถูกกล่าวหาก็มักจะออกมาแถลงปกป้องตนเองว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากใครเห็นว่าตนทุจริตก็ขอ
ให้เอาหลักฐานมาพิสูจน์ยืนยัน บางเรื่องก็เงียบหายไปเพราะไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ บางเรื่องเป็นคดีไปถึงศาล แต่ศาล
ต้องตัดสินยกฟ้อง หรือพิพากษาให้จำาเลยพ้นผิด เพราะขาดพยานหลักฐานที่จะเอาผิดตามกฎหมายได้ ด้วยเหตุนี้เองคนทำาทุจริต
ที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ใครเห็นจึงสามารถหลอกลวงสังคมและหลอกตัวเองได้เสมอว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ในทางตรงกันข้าม พยาน
หลักฐานและกรณีแวดล้อมก็อาจทำาให้ศาลต้องพิพากษาคนบริสุทธิ์ให้เป็นคนผิดได้เหมือนกัน นี่เป็นจุดอ่อนของกระบวนการ
ยุติธรรมที่ตัดสินความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ด้วยพยานหลักฐานเท่าที่พิสูจน์ได้ มิใช่ด้วยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง ๆ เสมอไป
เรื่องนี้ พระพุทธศาสนามีทฤษฎีว่า “ความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์ เป็นเรื่องเฉพาะตัว” ทั้งนี้ เพราะพระพุทธ
ศาสนามิได้มองความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เพียงแค่พยานหลักฐาน หากแต่มองลึกลงไปถึงการกระทำาที่เกิดขึ้นด้วยเจตนาจริงๆ
ผู้ทำาจึงสามารถพิพากษาตัวเองได้ทันทีว่าบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาพิพากษา การพิพากษาตัวเองเช่นนี้คน
ไทยเราพูดเป็นสำานวนว่า “คนไม่เห็น ผีสางเทวดาก็เห็น” ผีสางเทวดาในที่นี้คือความสำานึกผิดชอบชั่วดีที่เกิดขึ้นในใจตนเอง
ถ้าเราหัดพิพากษาตัวเองเสียบ้าง สังคมมนุษย์จะบริสุทธิ์และน่าอยู่มากกว่านี้ การทำาทุจริตไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ
และไม่ว่าจะลี้ลับอย่างไร ก็จะมีตัวผู้ทำานั่นเองรู้เห็นและคอยพิพากษาอยู่ตลอดเวลา
จัดทำาโดย กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๐ เล่มที่ ๗ เดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๑ หน้า ๒๐

