Page 7 - nmdNewsletter-6108
P. 7
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
จอน คาบาท ชินน์ ผู้ซึ่งพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมในหัวข้อเกี่ยว
กับการลดความเครียดโดยใช้การฝึกสติ (Mindfulness Based Stress
Reduction : MBSR) ในปี 1979 ได้ตีความเรื่องการฝึกสติในความหมาย
ที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยว่าเป็น “การให้ความใส่ใจกับสิ่งใดๆ ด้วยวิธีการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยความตั้งใจหรือเจตนา ในขณะปัจจุบันและด้วยจิตใจ English
ที่เป็นกลาง”
ก�รฝึกสติช่วยสร้�งคว�มสงบสุข โดย...น.ท.หญิง วรดา ข่ายแก้ว
สิ่งสำาคัญของการปลดปล่อยจิตใจให้หลุดพ้นจากความยุ่งเหยิง และ
เปิดพื้นที่ให้มีเวลาได้คิดทบทวนสิ่งต่างๆ บ้าง นั่นคือ การเริ่มต้นฝึกฝน โดย ที่มาของภาพ : https://www.google.co.th/prefrontal+cortex+ เมื่อรู้สึก “ไม่โอเค” จะพูดอย่างไรนอกจาก “I’m not OK”
ต้องเลือกรูปแบบของการฝึกสมาธิให้เหมาะสมกับตัวเรา คำาตอบของทาง hippocampus&oq เคยไหมคะเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรารู้สึก ไม่โอเค อารมณ์เสีย หงุดหงิด ทนไม่ได้ ไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว แต่เราก็ใช้
เลือกที่ใช่ก็คือ วิธีการที่เราชอบและเข้ากับวิถีชีวิตของเราได้ดีที่สุด นั่นเอง คำาว่า “I’m not OK” สื่ออารมณ์นั้นๆ อยู่ตลอด เพราะไม่รู้ว่าจะใช้คำาไหนดี ลองมาดูคำาอื่นๆ ที่จะใช้สื่อความหมายว่าเรา “ไม่โอเค”
รูปแบบการทำาสมาธิที่แตกต่างกันนั้นทำาให้เกิดผลลัพธ์ทางสมองที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ถ้าเรามุ่งเน้นในการพัฒนาความจดจ่อ กันดีกว่าค่ะ
เราอาจจะทดลองฝึกการเจริญสติภาวนา แต่ถ้าเราต้องการเพิ่มระดับความเห็นอกเห็นใจและการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น เราอาจ
จะเหมาะกับการฝึกสมาธิแบบเมตตาภาวนา หรือที่เรียกว่า กรุณากรรมฐาน (kindness หรือ compassion meditation) ที่บอกว่าทุก
อย่างนั้นเป็นการฝึกปฏิบัติ เพราะว่าเราต้องฝึกฝนเป็นประจำาเหมือนกับการฝึกซ้อมดนตรี ซึ่งถ้าทำาได้ทุกวันจะดีมาก ริชาร์ด เดวิดสัน I can't stand
แนะนำาว่าเราอาจฝึกสมาธิแบบเก็บเล็กผสมน้อยโดยใช้เวลาครั้งละ ๒ ถึง ๓ นาที แต่ทำาบ่อยๆ หลายๆ ครั้งในแต่ละวันก็ย่อมได้
ต้องฝึกฝนเป็นเวลานานเท่าใด ทนไม่ได้ รับไม่ได้
คำาตอบคือ เท่าที่จะพอมีเวลา ไม่ว่าจะเป็น ๕๐ นาที หรือ แค่ ๕ นาทีก็ตาม สิ่งสำาคัญก็คือต้องตั้งใจฝึกฝนเป็นประจำา จะกลาย
เป็นนิสัยที่เราต้องทำาเป็นประจำาทุกวัน
ต้องทำาอย่างไร
เมื่อคิดจะเริ่มฝึก ควรจะเลือกสถานที่ที่สามารถใช้ได้เป็นประจำา ฝึกได้สะดวก การใส่ใจกับร่างกายและการเรียนรู้วิธีการสร้าง 1. I can’t stand + n./gerund
ความสงบภายในจิตใจเป็นเรื่องท้าทายอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากำาลังทำางานในสภาวะที่เร่งรีบและสับสนวุ่นวาย การทำาสมาธิที่ รูปแบบประโยค คือ I can’t stand + คำานาม หรือกริยาเติม –ing
กำาหนดจิตเพื่อตรวจสอบร่างกายตนเอง หรือการกำาหนดลมหายใจเข้าออกลึกๆ นั้นสามารถช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และใส่ใจกับ โดยคำาว่า I can’t stand ในที่นี้ มีความหมายว่า “ทนไม่ได้” “รับไม่ได้” (เป็นการเปรียบเปรยถึงความรู้สึกว่า ทนไม่ไหว จนไม่สามารถ
การรับสัมผัสทางร่างกายมากขึ้น จะทรงตัวได้ค่ะ)
จดจ่ออยู่กับลมหายใจ ยกตัวอย่างประโยค
การฝึกสตินั้นไม่ใช่การ “ทำาใจให้ว่าง” หรือการนอนหลับ แต่เป็นการกำาหนดจิตเพื่อการตั้งมั่นอยู่กับส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ลม I can’t stand this pain. ฉันเจ็บจนทนไม่ไหว
หายใจของเราเอง เพื่อให้จิตอยู่นิ่งกับสถานที่และเวลาขณะปัจจุบันอยู่ตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะเลิกคิดถึงอนาคตหรือเรื่องในอดีต I can’t stand waiting for you. I will take a taxi. ฉันรอคุณไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปแท็กซี่
และยึดติดอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น ทักษะนี้เมื่อมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้มีสมาธิอยู่กับงานที่ทำา สามารถจัดการสิ่งรบกวนต่างๆ ได้
อย่างมีประสิทธิผล ทำางานด้วยสติและความตั้งใจมากขึ้น
References
1. Brockis, J. (2015). Future Brain: The 12 Keys to Create Your High-performance Brain. John Wiley & Sons. I can't bear
2. Kabat-Zinn, J. (2011). Some reflections on the origins of MBSR, skillful means, and the trouble with maps.
Contemporary Buddhism, 12(01), 281-306.
3. Lunger, R., & Page, J. D. (1939). Worries of college freshmen. The Pedagogical Seminary and Journal of Genetic ฉันไม่สามารถอดทนได้
Psychology, 54(2), 457-460.
4. สัจจะ จรัสรุ่งรวีวร (2017) Future Brain : เปลี่ยนสมองทั้งทีอย่ามีดีแค่ฉลาดขึ้น. บริษัท ไอดีซี พรีเมียร์ จำากัด.
2. I can’t bear + n./gerund/ to + V1
ติดตามต่อฉบับหน้า รูปแบบประโยค คือ I can’t bear + คำานามหรือกริยาเติม –ing หรือ กริยาช่องที่ 1
โดยคำาว่า I can’t bear แปลว่า ฉันไม่สามารถอดทนได้ bear คำานี้ มีความหมายว่า ทน หรือ อดทน ค่ะ
หน้า ๑๐ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๐ เล่มที่ ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๐ เล่มที่ ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๑ หน้า ๑๑

