Page 23 - 01-05-62
P. 23

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter



                                           ธรรมะกับคติธรรมสอนใจ




                                                 เรื่อง...งานสร้างสุข
                   การท�างานเป็นเรื่องที่คู่กับชีวิตมนุษย์ และแม้งานจะมีมากมายหลายประเภท แต่ก็มีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่าง

            หนึ่งคือ ถ้าเป็นงานสุจริต จะมีความสุขแฝงอยู่ในงานนั้นเสมอ ความสุขดังกล่าวให้ผลเป็น ๒ ขณะ คือ
                   ๑.ขณะท�าเสร็จ คือเพียงลงมือท�า หรือท�าเสร็จ ความสุขก็เกิดได้ทันที เช่น อาจมีบางครั้งที่เรามีความสุขใจ ภูมิใจ
            เมื่อได้ลุกขึ้นยืน  สละที่นั่งบนรถโดยสารให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่า  ไม่จ�าเป็นต้องกล่าวถึงงานที่มีความส�าคัญมากกว่านี้  ใช้ความ
            พยายามมากกว่านี้ และเกิดประโยชน์มากกว่านี้

                   ๒.ขณะได้ผลตอบแทน งานส่วนใหญ่จะมีสิ่งตอบแทนเป็นรางวัล ในรูปของค่าจ้าง เงินเดือน หรือผลประโยชน์อื่นๆ
            อย่างน้อยก็ได้รับการชมเชยหรือความนิยมนับถือ เมื่อผลตอบแทนเช่นนี้เกิดขึ้น ก็ท�าให้เจ้าของงานเป็นสุข
                   สรุปว่า การท�างานก็คือการลงมือสร้างความสุขให้กับตนนั่นเอง ถ้าหวังความสุขเฉพาะขณะที่ ๒ คือมุ่งผลตอบแทน
            อย่างเดียว  ก็จะต้องรอจนกว่าจะได้รับผลนั้น  เช่น  รอจนถึงวันเงินเดือนออกซึ่งมีอยู่เพียงวันเดียว  หรือรอจนกว่าจะมี

            ผู้พบเห็นแล้วยกย่องชมเชย ก็ยิ่งเลื่อนลอยหนักเข้าไปอีก ข้อส�าคัญ ถ้าผลตอบแทนไม่เป็นตามที่มุ่งหวัง งานก็จะเป็นแหล่งรวม
            ของความทุกข์  แต่ถ้าท�างานเพื่อมุ่งความสุขขณะที่  ๑  คือเมื่อได้ท�างานและส�าเร็จ  ได้สร้างคุณประโยชน์ให้เกิดก็ภูมิใจ
            ในความเป็นคนมีค่าของตนเอง ปลื้มใจเมื่องานนั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ก็จะมีความสุขใจไปพร้อมกับการท�างานนั้น หรือพูด
            อีกอย่างหนึ่งว่า  งานนั้นท�าให้เกิดความสุข  ดังตัวอย่างบุคคลคนหนึ่ง  มีอาชีพกวาดถนน  ขนขยะ  ซึ่งเป็นงานไร้ชื่อเสียง

            ค่าตอบแทนต�่า แต่ก็ยังมีอุตสาหะท�างานเลี้ยงชีพอย่างเป็นสุข ขณะที่อีกคนหนึ่ง มีการงานที่มั่นคง มีเกียรติ และค่าตอบแทน
            สูงกว่า แต่ไม่อาจหาความสุขจากการท�างานได้ สาเหตุส�าคัญ ก็เพราะมุ่งเสวยผลความสุขที่แตกต่างกันนี้เอง

                                                    เรื่อง...โจรทิม


                    ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับฎีกาจากโจรทิม ซึ่งติดคุกด้วยข้อหาปล้นทรัพย์ ใน
             ฎีการะบุว่า ตั้งแต่ต้องโทษก็ตั้งใจฝึกฝนวิชาจักสานมาโดยล�าดับ บัดนี้ล่วงเลยมาถึงสิบปี มั่นใจว่าฝีมือเป็นเลิศไม่มีใครสู้ได้
             จึงผลิตงานฝีมือถวาย หากทรงโปรด ก็จะขอพระราชทานอภัยโทษสักครั้งเพื่อออกบวชเลิกประพฤติชั่วไปตลอดชีวิต และ
             เมื่อได้ทอดพระเนตรกาถังน�้าร้อนฝีมือจักสานของโจรทิมที่เจ้าพนักงานน�าขึ้นทูลเกล้าฯ  ถวาย  ทรงพอพระทัยในฝีมืออัน
             ประณีตงดงามไม่มีใครเทียบ จึงพระราชทานอภัยโทษ และโปรดให้จัดบวชเป็นนาคหลวง

                    ต่อมาเมื่อ ร.ศ. ๑๑๒ เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พระทิมได้มาแจ้งต่อสมเด็จกรมพระยาด�ารงราชานุภาพ
             ว่าตนเองได้เคยเรียนคาถาอาคมส�าหรับการต่อสู้มาบ้าง บัดนี้บ้านเมืองเกิดศึกสงคราม จะมาขอพระราชทาน
             พระบรมราชานุญาตลาสิกขาออกไปช่วยรบกับข้าศึก เพื่อทดแทนพระมหากรุณาธิคุณ ต่อเมื่อสิ้นการศึก หากรอดชีวิตก็
             จะขอกลับมาบวชอีกครั้งหนึ่ง สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อทรงทราบ ถึงกับทรงออกพระโอษฐ์ว่า “มนุษย์เรานี้ ถึงตกต�่า

             จนเป็นโจรผู้ร้าย ถ้ากลับใจได้จริงๆ ก็ยังเป็นคนดีได้” และโปรดให้อัญเชิญพระกระแสรับสั่งไปถึงพระทิมว่าทรงขอบใจ แต่
             พระทิมอายุมากแล้ว ขออาราธนาให้บวชเอาบุญต่อไปเถิด จนภายหลังเมื่อพระทิมมรณภาพ ยังได้พระราชทานจัดการศพ
             ให้อย่างมีเกียรติยศยิ่ง
                    เรื่องนี้ให้ข้อคิดส�าคัญ ๒ ประการ คือ

                    ๑.ความรู้ความสามารถที่ฝึกฝนจนรู้จริง  ดีจริง  ย่อมอ�านวยประโยชน์ให้ชีวิตได้จริงเมื่อโอกาสมาถึง  จึงไม่ควรดู
             หมิ่นวิชาความรู้แม้ในเรื่องเล็กน้อยว่าไม่ส�าคัญ
                    ๒.มนุษย์ปุถุชนไม่มีใครถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด แต่ถ้าผิด ต้องพร้อมที่จะกลับตัว หรือแก้ไขที่ส�าคัญสังคมควร
             ให้โอกาส

                    ดังนั้นวิชาความรู้และการแก้ไขปรับปรุงตนเอง  เป็นตัวก�าหนดชีวิตของคนให้ดีหรือเลวสูงหรือต�่าได้อย่างจริงแท้
             แน่นอนเพียงใด โปรดดูโจรทิมเป็นตัวอย่างเถิด

              จัดท�าโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.

                                                   ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๑ เล่มที่ ๕ เดือน พฤษภาคม  พ.ศ.๒๕๖๒  หน้า ๑๘
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28