Page 35 - ข่าวสารฯ ฉบับ 6210 ต.ค.๖๒
P. 35

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter


                     โรคหัด (Measles)

                     เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีลักษณะเด่นคือมีจุดเทาขาวในปาก และผื่นสีน�้าตาลแดงจากศีรษะและคอลงมา
             ที่ตัว ก่อให้เกิดความไม่สบายตัว มักจะหายเองภายใน ๗ - ๑๐ วัน โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มเติม แต่ในบางครั้งอาจน�ามาซึ่ง

             ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่า ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ในผู้ป่วยบางราย ซึ่งรวมไปถึงปอดบวมและไข้สมองอักเสบ

                     อาการของโรคหัด
                     อาการคล้ายหวัด  เช่น  คัดจมูก  จาม  และไอ  ปวดตา  ตาแดง  น�้าตาไหล  อาจมีความอ่อนไหวต่อแสงเพิ่มขึ้น

             มีไข้สูง อาจถึง ๔๐ องศาเซลเซียส ปวดกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร เหนื่อย หลังจากมีอาการเหล่านี้ไม่กี่วันจะเกิดผื่นขึ้น มักจะรู้สึก
             ไม่สบายมากในช่วง ๑ - ๒ วันแรก โดยผื่นที่เกิดขึ้นนั้นจะมีลักษณะเห่อขึ้นเล็กน้อย มีขนาดเล็ก สีน�้าตาลแดง และอาจเกิดขึ้น
             ติดกันหลายจุดจนกลายเป็นปื้นขนาดใหญ่ มักจะปรากฎบนศีรษะหรือคอ ก่อนจะลามลงไปทั่วร่างกาย คันเล็กน้อยส�าหรับ

             ผู้ป่วยบางราย  และจะค่อยๆ  หายไปภายในหนึ่งสัปดาห์  หลังจากปรากฏผื่น  ผู้ป่วยหลายรายจะมีจุดสีเทาขาวเกิดขึ้นใน
             ช่องปาก และจะหายไปภายในไม่กี่วัน

             การรักษาโรคหัด
                     ยังไม่มีระบุการรักษาและก�าจัดเชื้อไวรัสของโรคหัดได้ ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองให้อาการทุเลาลงได้ด้วยการดื่มน�้า

             วันละ ๖ - ๘ แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย อยู่ในที่แห้งอุณหภูมิพอเหมาะเพื่อลดอาการไอบ่อยและ
             เจ็บคอ และอาจให้วิตามินเอเสริมให้กับร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นภายใน ๒ สัปดาห์ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาลด

             ไข้ที่ไม่ใช่ยาแอสไพริน เพื่อช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคหัดที่เริ่มมีผื่นขึ้นควรอยู่ในบ้าน
             หยุดโรงเรียน หยุดท�างาน หรือไม่ไปที่สาธารณะเป็นเวลาอย่างน้อย  ๔ วันหลังจากผื่นเริ่มปรากฏเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
             ไปยังผู้คนรอบข้าง


             การป้องกันโรคหัด (Measles Vaccines)
                     โรคหัดป้องกันได้หากเด็กได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด (Measles Vaccine) ครบตามก�าหนด โดยวัคซีนที่ใช้ฉีดเพื่อ
             ป้องกันคือวัคซีน Measles-Mumps-Rubella Vaccine (MMR) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ป้องกันได้ทั้งโรคหัด (Measles) คางทูม

             (Mumps) และหัดเยอรมัน (Rubella) โดยทารกสามารถรับวัคซีนได้ครั้งแรกเมื่ออายุครบ  ๙ - ๑๒ เดือน และรับวัคซีนครั้ง
             ต่อไปเมื่ออายุ ๔ - ๖ ปี ส่วนเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน สามารถรับวัคซีนได้ ๒ เข็ม โดยเว้นช่วงการรับวัคซีนแต่ละ

             รอบให้ห่างกันอย่างน้อย ๒๘ วัน อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียง คือ ร้อยละ ๑๕ ของเด็กที่ได้รับวัคซีนเป็นไข้ ๖ - ๑๒ วันหลัง
             จากได้รับวัคซีน และร้อยละ ๕ มีอาการผื่นขึ้นคล้ายผื่นโรคหัดและหายไปเอง วัคซีนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
             เช่น อาการชัก หูหนวก สมองถูกท�าลาย และหมดสติไม่รู้ตัว แต่เกิดขึ้นน้อยมาก ทั้งนี้ยังมีวัคซีน Measles-Mumps-Ru-

             bella-Varicella Vaccine (MMRV) ซึ่งนอกจากจะป้องกันโรคทั้ง ๓ โรคเช่นเดียวกับวัคซีน MMR แล้ว ยังป้องกันโรค
             อีสุกอีใสด้วย โดยเด็กอายุตั้งแต่ ๑๒ เดือน ถึง ๑๒ ปี สามารถรับวัคซีนตัวนี้ได้

             ข้อห้ามในการฉีดวัคซีน










                                           ที่มา: ส�านักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
             References

                            ๑. ส�านักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
                            ๒. www.eradicationthai.com
                            ๓. Pobpad.com

                                                    ข่าวสารแพทย์นาวี   ปีที่ ๖๑  เล่มที่  ๑๐  เดือน ตุลาคม  พ.ศ.๒๕๖๒ หน้า ๑๒
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40