Page 19 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน ธันวาคม ๒๕๖๕
P. 19

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter



          การวินิจฉัย

                 การวินิจฉัยภาวะผิวหนังอักเสบอาศัยการตรวจร่างกาย และการซักประวัติ อาการของผื่นที่ค่อยเป็นค่อยไปสะสมมากขึ้น
          เรื่อยๆ จะท�าให้นึกถึงผิวหนังอักเสบจากการระคายเคืองมากกว่า ในขณะที่การเกิดผิวหนังอักเสบขึ้นมารุนแรง เกือบทันทีถึง
          ๒ - ๓ วัน หลังจากการสัมผัสจะนึกถึงภาวะผิวหนังอักเสบจากการแพ้สัมผัส ทั้งนี้สามารถตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันหาสารก่อภูมิ

          ที่ท�าให้เกิดการแพ้สัมผัสได้ด้วยการท�า Patch test เพิ่มเติม

















                 (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวการท�า  Patch  test  ที่  https://www2.si.mahidol.ac.th/km/download/20159/
          จัดท�าโดย คลินิกผื่นแพ้สัมผัส หน่วยตรวจโรคผิวหนัง ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล)

          การรักษา

          การรักษาหลัก
                 - การใช้ยาในรูปแบบทา (topical therapy) ได้แก่การให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ (topical corticosteroid) หรือกลุ่ม

          ปรับภูมคุ้มกัน (topical immunomodulator : topical calcineurin inhibitor) ทั้งในรูปแบบครีมและขี้ผึ้ง โดยในช่วงแรก
          แนะน�าให้เริ่มการรักษาด้วยยาทากลุ่มเสตียรอยด์ก่อนเมื่อการอักเสบลดลงมากแล้วอาจพิจารณาปรับมาใช้ยาในกลุ่ม
          ปรับภูมิคุ้มกันเพื่อลดผลข้างเคียงจากการทาสเตียรอยด์ในระยะยาว

                 - การใช้ยาในรูปแบบรับประทานหรือฉีด (systemic therapy) ได้แก่การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ในระยะสั้นๆ เพื่อให้
          อาการอักเสบสงบลง ในผู้ป่วยมี่มีอาการรุนแรงมาก แต่หากไม่สามารถควบคุมอาการได้ในระยะยาว อาจมีความจ�าเป็นต้องให้ยา

          กดภูมิ (immunosuppressive drugs) เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์ระยะยาว โดยการใช้ยากดภูมิควรได้รับการดูผล
          โดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยากลุ่มนี้ด้วย

          การรักษาประคับประคอง และการป้องกัน
                 - การใช้ยาแก้แพ้ ในกลุ่ม antihistamine เพื่อบรรเทาอาการคัน และลดการแกะเกา โดยยากลุ่มนี้สามารถให้เป็นการ

          รักษาเสริม แต่ไม่ได้มีผลในการช่วยลดการอักเสบของผื่นผิวหนังอักเสบโดยตรง
                 -  การทาครีมให้ความชุ่มชื้น  (moisturizer)  ควรทาครีมให้ความชุ่มชื้นอยู่เสมอๆ  ทุกครั้งที่มีการล้างมือ  หรือหลังจาก
          สัมผัสสารระคายเคือง เพื่อเป็นการฟื้นฟูผิวหนังที่ถูกท�าลาย และป้องกันไม่ให้ผิวผนังถูกท�าลายอย่างต่อเนื่อง

                 - การปรับพฤติกรรม ได้แก่ การหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสสารระคายเคือง หรือสารก่อภูมิต่างๆ ไม่ล้างมือบ่อยเกินความจ�าเป็น
          หลีกเลี่ยงสารเคมี สบู่ หรือสารชะล้างที่มีความเป็นกรดด่างสูงเกินไป หากมีความจ�าเป็นที่จะต้องสัมผัสให้สวมถุงมือป้องกัน หรือ

          ทา skin barrier cream/ointment และทุกครั้งหลังล้างมือต้องทาครีมให้ความชุ่มชื้นอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการแกะเกา เพื่อป้องกัน
          การติดเชื้อแบคทีเรียซ�้าซ้อน

          ที่มา : https://www2.si.mahidol.ac.th/km/download/20159/









                                                 ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๔ เล่มที่  ๑๒  เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๕   หน้า ๑๓
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24