Page 24 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน กรกฎาคม ๒๕๖๖
P. 24

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter






                             ธรรมะ คติสอนใจ





                                                     สุขทุกวัน ด้วยธรรมะ






                                        เรื่อง... ไฟพยาบาท


                   ในปัจจุบันมักจะได้ยินข่าวเหตุการณ์ทะเลาะและท�าร้ายกันของคนในสังคมอยู่เนืองๆ การกระทบกระทั่งกัน

            การเกิดโทสะจนควบคุมตนเองไม่ได้ ตลอดจนการก่อปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความพยาบาท
            คือผูกใจเจ็บ  และอยากแก้แค้น  ความพยาบาทนี้มิใช่จะสร้างความพินาศแก่บุคคลที่ถูกพยาบาทเท่านั้น

            แต่แท้จริงแล้ว ยังก่อความพินาศแก่ตนเองด้วย ประดุจระเบิดสังหาร เมื่อจะท�าลายสิ่งใดย่อมต้องท�าลาย
            ตนเองก่อนทุกครั้ง  การเกิดขึ้นของความพยาบาทนั้น  เริ่มจากจุดเล็กๆ  ซึ่งทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า  อรติ

            แล้วขยายผลเป็น ปฏิฆะ โกธะ โทสะ และพยาบาท ตามล�าดับ
                   อรติ แปลว่าไม่ชอบใจ หรือไม่สบอารมณ์ โดยธรรมชาติเป็นของเกิดง่ายหายเร็ว ปฏิฆะ แปลว่าขัดใจ

            เป็นผลจากความไม่ชอบใจนั่นเอง แต่ท�าให้จิตกระวนกระวายมากกว่า โกธะ แปลว่าโกรธ หรือความเดือดดาล

            แห่งจิต เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการสั่งสมความขัดใจไว้ จากที่เคยขัดหรือขุ่นก็ถึงขั้นเดือดดาลหรือเดือดพล่าน
            แต่ก็ยังเป็นเรื่องภายในตัวเราเอง โทสะ แปลว่าความคิดประทุษร้าย คือคิดท�าลาย คิดล้างผลาญให้เขาเสียหาย
            เช่น ให้เจ็บ ให้อาย ให้เดือดร้อนหายนะด้วยประการต่างๆ ถ้าระงับไว้ไม่ได้ก็จะลงมือเบียดเบียนท�าลายล้างกัน

                   เมื่อผูกใจเจ็บคิดจะแก้แค้นคิดท�าลายเขา แต่ยังท�าลายไม่ได้ ก็ผูกใจไว้ว่าวันหน้าจะจัดการ พอมีพยาบาท

            อยู่กับตัว แม้ยังไม่ได้ลงมือท�าลายเลย ความสุขในชีวิตก็ถูกท�าลายแล้ว ด้วยความขัดใจบ้าง ความเดือดดาลบ้าง
            ความคิดประทุษร้ายบ้าง ที่กลุ้มรุมเผารนอยู่ ครั้นได้ท�าลายสมใจแล้ว ก็ใช่ว่าจะพินาศเฉพาะศัตรู ตนเองก็ไม่พ้น

            อาชญาหรือผลของการท�าผิด  ถ้ารู้จักอภัยก็จะไม่เกิดพยาบาท  ยิ่งถ้าอภัยเสียตั้งแต่เป็นแค่ความไม่สบอารมณ์
            หรือเป็นแค่ความขัดใจก็จะแก้ไขได้ง่าย ดีกว่าปล่อยให้ลุกลามเป็นไฟพยาบาทซึ่งจะเผาผลาญจนพินาศเกินบรรยาย

            ดังบทประพันธ์ที่ว่า
                          ความโกรธเป็นเช่นดังสนิมหนา                 กินศิลาผุกร่อนไม่หย่อนหยุด

                          โลหะชาติมีดพร้าแลอาวุธ                     สนิมคุดกินขาดพินาศไป

                          สนิมเหล็กกินเหล็กนั้นเล็กน้อย              เจ้าของคอยขัดล้างระวังไหว
                          สนิมโกรธโดดดิ้นเข้ากินใจ                   สุดวิสัยขัดรากขุดรากตอ










                            คิดดี                            พูดดี                          ท�ำดี


           จัดทําโดย  กองอนุศาสนาจารย์ ยศ.ทร.


                 ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๗  เดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖
        หน้า ๒๐
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29