Page 9 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน สิงหาคม ๒๕๖๖
P. 9

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter




                                    รอบรู้เรื่องโรคผิวหนัง


                                       Bullous pemphigoid


                                         โรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์


                                                        โดย...ว่าที่ น.ท.ปุณยวีร์  อ่องศรี  แผนกโรคผิวหนัง กองอายุรเวชกรรม
                                                        รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ


                โรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์ (Bullous pemphigoid)  โรคตุ่มน�้าพอง จริงๆ แล้วมีหลายโรคและเกิดได้จากหลากหลาย
         สาเหตุ  ไม่ว่าจะเป็นจากสาเหตุความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่ก�าเนิด  ความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน  โรคติดเชื้อ  ปัจจัยทาง
         กายภาพ  หรือการสัมผัสสารเคมีหรือสารระคายเคืองต่างๆ  โดยรอยโรคที่เห็นเป็นตุ่มน�้าเกิดจากความผิดปกติหรือการถูกท�าลาย

         ของโครงสร้างที่ท�าหน้าที่ยึดติดเซลล์ผิวหนังไว้ด้วยกัน ท�าให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังออกจากกันเกิดการแยกชั้นของผิวหนัง
                ในกรณีที่เกิดการแยกชั้นในชั้นหนังก�าพร้า  (intraepidermal  separation)  จะเห็นรอยโรคเป็นตุ่มน�้าที่แตกออกได้ง่าย
         (flaccid bullae) หรือเห็นเป็นเพียงรอยถลอก (abrasion) และแผลตกสะเก็ด (crusted patch) ตัวอย่างเช่น ในโรค pemphigus

         vulgaris
                ในกรณีที่เกิดการแยกชั้นในชั้นรอยต่อของหนังก�าพร้าและหนังแท้  (subepidermal  separation,  dermo-epidermal
         junction) จะเห็นรอยโรคเป็นตุ่มน�้าพองใส เต่ง (tense bullae) ตัวอย่างเช่น ในโรค bullous pemphigoid
                ในที่นี้จะกล่าวถึงโรคตุ่มน�้าพองที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่พบได้บ่อย คือ โรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์
         (bullous pemphigoid) โรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์ มักพบในผู้ป่วยอายุมากกว่า ๖๐ ปี ความชุกประมาณ ร้อยละ ๐.๗๙


         สาเหตุการเกิดโรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์
                เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ร่วมกับปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ยา การติดเชื้อ หรือปัจจัย
         ทางกายภาพต่างๆ  และอายุที่มากขึ้น  ท�าให้ร่างกายสร้างโปรตีน  immunoglobulin  ที่ผิดปกติ  (autoantibodies)  มาท�าลาย
         โครงสร้างที่ท�าหน้าที่ยึดติดเซลล์ผิวหนังระหว่างชั้นหนังก�าพร้าและชั้นหนังแท้ไว้ด้วยกัน (hemidesmosal proteins โดยเฉพาะ

         BP180 (Collagen type VII) และ BP230) ท�าให้เกิดการหลุดลอกของผิวหนังในชั้นใต้หนังก�าพร้า (subepidermal blister) เกิด
         เป็นลักษณะรอยโรคตุ่มน�้าพองใส เต่ง (tense bullae) ตามผิวหนัง

         การวินิจฉัยโรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์
                การวินิจฉัยอาศัยลักษณะอาการและอาการแสดงของโรค ผู้ป่วยมักจะมาด้วย ตุ่มน�้าพองใสตามผิวหนัง โดยอาจมีผื่นแดง
         คันหรือลมพิษน�ามาก่อน  แต่มักไม่มีผื่นในบริเวณเยื่อบุ  ซึ่งต่างจากโรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกัส  ร่วมกับการตรวจทางพยาธิวิทยา

         (histopathology) และการตรวจยืนยันทางระบบภูมิคุ้มกันวิทยาเพื่อหาโปรตีนที่ผิดปกติ ด้วยการตรวจ direct immunofluo-
         rescence, indirect immunofluorescence หรือ ELISA for BP180, BP230 Autoantibodies

         การพยากรณ์โรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์
                โรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์อาจพบร่วมกับโรคทางระบบประสาท โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคภูมิต้านทาน

         ตัวเองบางชนิด ตุ่มน�้าพองใสเวลาหายอาจจะทิ้งรอยด�า แต่มักไม่เกิดแผลเป็น ทั้งนี้อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ�้าซ้อน ท�าให้เกิด
         ตุ่มหนอง หากอาการรุนแรงอาจเกิดการลุกลามติดเชื้อในกระแสเลือด มีไข้สูง และอาจถึงแก่ชีวิตได้

          การรักษาโรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์
                การรักษาโรคตุ่มน�้าพองเพมฟิกอยด์ ได้แก่
                        ๑. การดูแลแผล ไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ�้าซ้อน

                แผลตุ่มแตกเป็นแผลที่ผิวหนัง : ใช้น�้าเกลือล้างแผล และพิจารณาทายาครีมฆ่าเชื้อ เช่น silver sulfadiazine หรือ antibiotic
                                                ointment หลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพร พอก ประคบ หรือพ่นที่แผล เนื่องจากจะท�าให้ติดเชื้อซ�้าซ้อนได้


                                              ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๘  เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๖   หน้า ๖
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14