Page 11 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน สิงหาคม ๒๕๖๖
P. 11

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter


                                                          มณีแดง (RED GEMs)



                                                                ช่วยรักษาโรคและชะลอวัยได้จริงหรือ



                                                           โดย...น.อ.ธนกร  ไชยพงษ์ นักเทคนิคการแพทย์ กลุ่มงานพยาธิวิทยา
                                                           รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า  พร.

                  เมื่อพูดถึงมณีแดงที่ก�าลังโด่งดังอยู่บนโลกโซเชี่ยลและการศึกษาวิจัย หลายท่านอาจก�าลังสนใจและติดตามหาข้อมูล แต่ก็อาจมี

           บางท่านที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนและสงสัยว่ามันคืออะไร  ผู้เรียบเรียงเองก็เป็นหนึ่งในผู้สนใจและก�าลังติดตามหาข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะที่เป็น
           บุคคลากรทางการแพทย์ เมื่อมีโอกาสจึงน�าข้อมูลมาแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกัน แต่เนื่องจากค�าศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นศัพย์ทางการแพทย์
           ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะบางครั้งถ้าแปลแล้วอาจจะเข้าใจยากกว่าการไม่แปล จึงขอให้ผู้อ่านพยายามท�าความเข้าใจไปด้วยกันนะครับ
                  มณีแดง หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ RED-GEMs ย่อมาจาก REjuvenating DNA by GEnomic Stability Molecules เป็นผล

           จากการต่อยอดการพบ "กลไกต้นน�้าของความชรา" บริเวณรอยแยก (youth-DNA-gap) ตรงจุดที่มีดีเอ็นเอแมดทิเลชัน (DNA
           methylation) และเป็นที่มาของชื่อ “โมเลกุลมณีแดง” ซึ่งเป็นผลงานวิจัยโดยทีมวิจัยของ ศ.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร หัวหน้าภาควิชา
           กายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และคณะ   เป็นนวัตกรรมต้านเซลล์ชรา จากการทดสอบในสัตว์ทดลอง
           ก่อนจะเตรียมท�าการทดลองในมนุษย์กลางปีนี้ เพื่อความปลอดภัยของการฉีดมณีแดงให้กับกลุ่มเป้าหมายของการวิจัย และต่อยอด

           สู่การผลิตออกจ�าหน่ายให้กับผู้สนใจ เร็วสุดในปี พ.ศ.๒๕๖๗
                     กลไกการท�างานของโมเลกุลมณีแดงย้อนวัย และ DNA แก่ชรา การค้นพบ “Replication independent endogenous
           DNA double strand breaks 1” ซึ่งมีลักษณะเป็นข้อต่อดีเอ็นเอ (DNA gap) ที่มีปริมาณน้อยในเซลล์ชรา เป็นกุญแจดอกส�าคัญที่ไข
           ความรู้สู่การต้านวัยชรา “ในดีเอ็นเอจะมีรอยแยก (Youth DNA Gap) อยู่บริเวณที่มีดีเอ็นเอแมดทิเลชัน (DNA methylation) อันเป็น

           ที่มาของโมเลกุลมณีแดง ซึ่งมีบทบาทในการช่วยปกป้องดีเอ็นเอและป้องกันความแก่ชราในยีนส์” ศ.นพ.อภิวัฒน์ อธิบาย “เมื่อมนุษย์
           อายุมากขึ้น รอยแยกดีเอ็นเอจะลดลง ท�าให้เกิดแรงตึงทั่วสายของดีเอ็นเอ ดีเอ็นเอไม่สามารถหมุนตัวได้อย่างปกติและถูกท�าลาย
           ได้ง่าย เราจึงพบรอยโรคในดีเอ็นเอของเซลล์ที่แก่ชราแล้วเยอะขึ้น ซึ่งรอยโรคดีเอ็นเอนี้จะส่งสัญญาณให้เซลล์หยุดการแบ่งตัว
           ตามปกติ และเข้าสู่ความแก่ชรา รวมถึงอาจน�าไปสู่การกลายพันธุ์และมะเร็งได้”

                  โมเลกุลมณีแดงมีคุณสมบัติในการย้อนวัย
           ที่ดีเอ็นเอโดย  “โมเลกุลมณีแดงช่วยเพิ่มข้อต่อ
           ดีเอ็นเอ ลบรอยโรคของดีเอ็นเอ แก้ไขความชรา
           ของเซลล์ได้”  เป็นกลไกส�าคัญที่จะใช้แก้ปัญหา

           สุขภาพในสังคมสูงวัย นอกจากนี้ ศ.นพ.อภิวัฒน์
           เสริมว่ารอยโรคในดีเอ็นเอของเซลล์แก่ชรายัง
           สัมพันธ์กับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น
           ความดันโลหิตสูง กระดูกผุ สมองเสื่อม รวมถึง

           เป็นเหตุให้ร่างกายเสื่อมประสิทธิภาพในการ
           ซ่อมแซมตัวเอง  มีผลให้แผลของผู้ป่วยเบาหวาน
           หรือแผลไฟไหม้หายยาก                               ทฤษฎีต้นน�้าของความชรา และการแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จ
                     ศ.นพ.อภิวัฒน์ เล่าถึงการวิจัยโมเลกุลมณีแดงกับหนูทดลอง ๓ กลุ่ม โดยกลุ่มที่ ๑  เป็นหนูอายุ ๗ เดือน กลุ่มที่ ๒ เป็นหนูอายุ

           ๓๐ เดือน กลุ่มที่ ๓ เป็นหนูที่อายุ ๓๐ เดือนที่ได้รับโมเลกุลมณีแดง จากภาพผลการทดลอง นักวิจัยจะย้อมเซลล์ชราให้เป็นสีน�้าเงิน
           จะเห็นว่าหนูวัย ๗ เดือนไม่ค่อยมีเซลล์ชรา ในขณะที่หนูที่ชราแล้ว (๓๐ เดือน) จะมีเซลล์ชราเต็มตับ ส่วนหนูชราที่ได้รับมณีแดงสัปดาห์ละ
           ๑ ครั้ง เป็นเวลา ๒ เดือน เซลล์ชราในตับจะลดลง
           **นั่นหมายถึง การทดสอบมณีแดงในหนูทดลองพบว่า สามารถต้านความชรา ในหนูทดลองได้ส�าเร็จ ! **

                  ศ.นพ.อภิวัฒน์ เผยอีกว่า “การทดลองนี้ไม่ใช่การท�าลายเซลล์ชรา แต่เป็นการเปลี่ยนเซลล์ที่ชราแล้วให้กลับมาเป็นเซลล์ที่ท�างาน
           ได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าสมองของหนูชราที่ได้รับมณีแดงกลับมาดีขึ้น”

                                             ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๘  เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๖   หน้า ๘
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16