Page 27 - nmdNewsletter-6110
P. 27
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
ใช่ไหมครับว่า ตัวเราเองนั้นเริ่มมีปัญหาแล้วนะ เราจะอยู่ในสังคมปกติ อยู่ในชุมชนเช่นเราอยู่ทั่วไปนี้ได้อย่างไร การเป็นอยู่ก็
จะลำาบากขึ้น และไม่ปลอดภัยกับทรัพย์สิน และตัวบุคคลด้วย อันนี้แหละครับ เราก็ควรจะต้องพิจารณาว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้อง
ไปปรึกษาแพทย์ และทำาการรักษาชะลอความเสื่อมของสมอง เริ่มปรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำาเนินชีวิต ให้เหมาะสมกับ
สภาพความจำาเสื่อมระดับนั้นๆ
ในทางวิชาการนั้นโรคความจำาเสื่อมรวมไปถึง ความรู้สึกนึกคิด การมีเหตุและผล ของการกระทำาที่ความคิดของเราสั่งให้กระทำา
ความทรงจำา และการแสดงออกอย่างเหมาะสม การเป็นอยู่ดำาเนินชีวิตภายในชุมชน และสังคมนั้นๆ องค์ประกอบเหล่านี้
รวมไปถึงความทรงจำาระยะยาว การใช้ภาษาพูด ภาษาเขียน ทักษะการใช้ภาษา การรับรู้ทางสายตาภาพที่เห็นแล้ว แปลภาพ
ที่เห็นเป็นภาพที่ควรจะเห็น เป็นภาพอื่นไปเสีย การดำาเนินการจัดการชีวิตของตัวเองให้เป็นไปปกติการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ
ตนเอง และความสามารถในการให้ความสนใจบางสิ่งบางอย่างบางเรื่องอย่างตลอดเวลาของเหตุการณ์นั้นๆ เป็นต้น บางคนจะ
มีอาการที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ลักษณะนิสัยของตนเองนั้น เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเป็นโรค
นี้อย่างรุนแรง ก็จะไม่สามารถทำากิจวัตรประจำาวันปกติได้ มีการก้าวร้าวโมโหได้ง่าย และอาจมีภาพหลอนหรือนึกมโนภาพขึ้น
ด้วยตัวเอง เช่น บอกลูกสาวว่าแหวนเพชรของตัวเองนั้นถูกขโมยไปจากตู้เสื้อผ้าแล้วไปโทษว่าลูกสาวอีกคนหนึ่งหยิบไป ขโมย
ไป ทั้งทั้งที่ลูกสาวคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย สุดท้ายไปเจอแหวนเพชรอยู่ที่ตู้เก็บอาหารแห้ง อย่างนี้ต้องมีผู้อื่นมาช่วยดูแลตลอด
เวลาอาจถึง ๒๔ ชั่วโมง
ข้อมูลที่ได้จากสถาบันสูงวัยแห่งชาติของประเทสหรัฐอเมริกาได้บ่งบอกว่า ลักษณะอาการของโรคความจำาเสื่อมนั้น มี
พื้นฐานจากเซลล์ประสาทที่สมบูรณ์ หยุดการทำางานของมันเอง ไม่สามารถเชื่อมสัญญาณการติดต่อสื่อสาร กับเซลล์ประสาท
ตัวอื่นๆ ได้ หรือเซลล์ประสาทตายลงก่อนกำาหนด ซึ่งโดยทั่วไปอาการของเซลล์ประสาทที่ตายหรือเสื่อมลงนี้ เป็นอาการปกติ
ของคนสูงวัย สูงอายุอยู่แล้ว แต่ลักษณะอาการนี้มีมากกว่าคนสูงวัยที่ปกติ จึงทำาให้เกิดความไม่เหมาะสมกับการดำาเนินชีวิต ใน
เวลานั้นๆ พอเข้าใจนะครับ
จากสถิติก็ยังพบได้อีกว่า จำานวนมากกว่าครึ่งของคนที่อายุ ๘๕ ปีขึ้นไป จะเป็นโรคความจำาเสื่อมนี้ บางคนที่มีอายุถึง
๙๐ ปีขึ้นไป ก็ยังไม่มีสัญญาณของโรคสมองเสื่อมนี้ แต่อย่างไรก็เป็นได้และทางสถาบันยังได้ชี้แจ้งเพิ่มเติมว่า สาเหตุของ
โรคสมองเสื่อมนั้นส่วนใหญ่มาจากโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุและโรคเส้นเลือดสมองตีบตัน
เรารู้ว่าการรักษาโรคอัลไซเมอร์ไม่มีการรักษาหายขาด เราจึงจะได้เตรียมตัวถูก จะขยายความได้ว่าโรคความจำาเสื่อม
มันมีอาการก่อนคนอายุที่ควรจะเป็นเช่น แทนที่เราจะเป็นโรคนี้ที่อายุ ๘๕ ถึง ๙๐ ปีขึ้นไป แต่ก็กลับมาเป็นโรคพวกนี้ตอนช่วง
อายุ ๖๕ ถึง ๘๕ ปี ในช่วงนี้เป็นต้น
พอเรารู้ตัวว่า เราเป็นโรคสมองเสื่อมแล้ว เราต้องรักษา แต่มารู้อีกทีว่ารักษาไม่หาย ก็คือไม่หายขาด เป็นแต่เพียง
การช่วยชะลอความเสื่อมให้ช้าลง อาจจะมียารักษาความเสื่อม ช่วยชะลอความเสื่อม หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็เป็นได้
จึงทำาให้โรคสมองเสื่อม ดำาเนินเป็นไปด้วยอาการที่ไม่กำาเริบอย่างรวดเร็ว และยิ่งยวด ผู้ป่วยจะได้มีชีวิตปกติสุขนานขึ้น และสามารถ
ยืดอายุของเซลล์ประสาทให้ตายช้าลง มีการบำารุงสุขภาพของเซลล์ประสาทได้ดีขึ้นสิ่งที่เราจะทำาได้ในช่วงนี้ก็มีสองประเด็น
ใหญ่ๆ ก็คือ หนึ่ง ถ้ารู้ว่าตนเองหรือคนใกล้ชิด พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย ญาติๆ หรือเพื่อนๆ ที่มีอาการเป็นโรค
ความจำาเสื่อม (ในที่นี้จะเน้นเรื่องโรคอัลไซเมอร์์เป็นหลักก็แล้วกัน) อย่างนี้แล้ว เราก็ช่วยประคับประคองอาการเสื่อม
ชะลอความตายของเซลล์ประสาท เพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ประสาทให้นานเท่าที่จะนานได้ ในช่วงนี้เราต้องรักษาสิ่งที่ยังดี
ที่ยังเหลืออยู่ คือ เซลล์ประสาทที่ยังดีอยู่ให้แข็งแรงโดยการป้องกันเซลล์ประสาทไม่ให้ตายเร็วกว่ากำาหนด เป็นประเด็นที่สอง
ป้องกันไม่ให้เสื่อมเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ สมมุติว่าคนรู้จักของท่านเป็นโรคอัลไซเมอร์ แล้วมีเซลล์ประสาทตายเร็วกว่ากำาหนด
ไปประมาณ ๒๐ ล้านเซลล์ และถ้าเราไม่ทำาอะไรเลย เซลล์ประสาทของเราที่เหลือจะตายเพิ่มขึ้น ทุกเดือน เดือนละ
๑ ล้านเซลล์ แต่ถ้าเรามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำาเนินชีวิต การกิน การเป็นอยู่อาศัย การออกกำาลังกาย รวมไปถึง
การปรับปรุงปรับเปลี่ยนอารมณ์ความเครียด เซลล์ประสาทจะตายน้อยลงเหลือ ๕ แสนเซลล์ ในแต่ละเดือน เป็นต้น
ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๐ เล่มที่ ๑๐ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๑ หน้า ๑๙

