Page 17 - 11Nov63
P. 17

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter





            ไม่เบื่อ ตัวอย่างการฟังเรื่องสั้น ใช้เวลาวันละ ๓๐ นาที ฟังเนื้อเรื่อง       ผู้เขียน (author) สะท้อนให้เราตระหนักว่า ก�าลังใจ
            ประมาณ ๑๕ นาที แล้วเวลาที่เหลือ มีทบทวน และมีการตอบ เป็นสิ่งส�าคัญมากส�าหรับการด�ารงชีวิตอยู่ของทุกชีวิต พลังภายใน

            ค�าถามในช่วงท้ายของเรื่องสั้น เพื่อทดสอบความเข้าใจของผู้ฟัง  จากจิตใจ เป็นยารักษาได้ทุกโรคไม่ว่าจะให้หายขาด หรือชะลอ
            รวมทั้งยังมีการสรุปค�าศัพท์อีกประมาณ ๕ ถึง ๑๐ ค�าในแต่ละ การเจ็บป่วยที่รุนแรงได้  การฝึกพลังจิตพลังใจ  เชื่อว่ามีส่วน
            เรื่องสั้น ช่วยให้เราเรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ ได้ดี ถ้าเราตอบค�าถามถูก ในการรักษาโรคได้ และพออนุโลม (make assumption)

            ต้องไม่หมด  ก็ควรกลับไปฟังใหม่  แต่บางคนเสียก�าลังใจว่าฟัง ได้ว่า คนไข้ที่มีโรคภาวะไม่ปกติของจิตใจ เสียใจกระทันหัน
            ไม่รู้เรื่อง ตอบค�าถามผิดเลยไม่อยากฟัง อันนี้ก็มีเทคนิคในการเพิ่ม ดีใจสุดโต่ง  เจ็บป่วย  หรือปวด  เรื้องรัง  เป็นเวลา  หรืออาจ

            ก�าลังใจก็คือ เมื่อฟังเสร็จแล้วก็ยังไม่ต้องตอบค�าถาม กลับไป เรียกว่ามีโรคทางจิตใจแทรกซ้อน หรือเป็นกังวล เปล่าเปลี่ยว
            จับประเด็นที่ส�าคัญก่อน  ถามค�าถามด้วยตัวเอง  แล้วค่อยกลับมา เหงา หรือซึมเศร้า จะส่งผลสภาวะทางร่างกาย ท�าให้เจ็บป่วย
            ตอบค�าถามจริง คราวนี้ก็จะรู้ว่า เราฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องอย่างไร  ได้ด้วยเหมือนกัน หรือภาวะการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น บางทีการแจ้ง

            เมื่อเรารู้สึกว่าเราท�าได้ ก�าลังใจจะเป็นแรง กระตุ้นให้ฝึกทักษะ ให้ผู้ป่วยทราบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ก็ท�าให้ผู้ป่วยมี
            ของเราต่อไปในอนาคต                                     อาการดังกล่าวได้ โดยทั่วไปแพทย์อเมริกันจะต้องบอก และชี้แจง

                   ที่ VOA มีเรื่องหนึ่งที่ชอบ คือ นิยาย (novel) เรื่องสั้น  ว่าผู้ป่วยเป็นอะไร  มีสาเหตุและขั้นตอนการรักษาอย่างไร
                                                         ,
            “ใบไม้ใบสุดท้ำย” (the last leaf) เขียนโดย O  Henry  ถ้าไม่แจ้งให้ผู้ป่วยทราบ  ถือว่าผิดจรรยาบรรณของแพทย์
            ที่น่าสนใจเพราะเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของผู้ป่วย ซึ่งต้องนอนพัก อย่างร้ายแรง และละเมิดสิทธิของผู้ป่วยโดยตรง ยกเว้นเสียแต่ว่า

            รักษาตัวในอะพาร์ตเมนต์ (apartment) ดูแลกันเอง เป็นโรคเกี่ยวกับ ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว และแจ้งเฉพาะญาติผู้ป่วยให้ทราบเท่านั้น
            ระบบทางเดินหายใจ คือ นิวมอเนีย (pneumonia) ซึ่งก็คล้ายกับ        ผู้แต่งใช้อุบาย (plot) จากการร่วงของใบไม้ (ไอวี ivy)

            โรคโควิด-19 ที่ก�าลังระบาดอยู่ในปัจจุบันในเรื่องนี้ตัวละคร (player) ในฤดูใบไม้ร่วง ผู้ป่วยซึ่งมีความสนใจที่จะเป็นศิลปิน (artist)
            คือ ผู้ป่วยหมดก�าลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายด้วยตัวเอง (โดยปกติ อยู่แต่เดิม ก็จะยึดติดกับการวาดรูป ระบายสีธรรมชาติ รูปต้นไม้
            ร่างกายของเราจะใช้กระบวนการรักษาโรคต่างๆ  ด้วยตัวเอง และใบไม้  เมื่อตนเองป่วยลงก็ได้แต่มองต้นไม้  มองใบไม้ที่

            ตามธรรมชาติอยู่แล้ว) ในตอนหนึ่งของเรื่องมีอยู่ว่า หมอที่มา เหลืออยู่ของต้นไม้ และนับใบที่ร่วงลงไปทีละวันจนในที่สุด
            รักษาผู้ป่วย  คุยกับเพื่อนสนิทของผู้ป่วย  (ที่อเมริกาส่วนใหญ่ เมื่อใบไม้ใบสุดท้ายร่วงหล่น  เขาก็จะต้องตายไปในที่สุดแล้ว

            มากกว่าครึ่งของผู้ป่วย จะมีคนมาเยี่ยมหรือดูแลนั้น จะไม่ใช่ญาติ  ผู้ป่วยเฝ้าคิดจนไม่มีความอยากกินอาหาร หรือดื่ม
            แต่จะเป็นเพื่อน) และกล่าวว่า เธอมีโอกาสรอดจากโรคนี้หนึ่ง           เหตุการณ์ของเรื่องด�าเนินไป  และก่อนจบ  จะหักมุม
            ในสิบ (She has one chance on ten) และเป็นโอกาสที่เธอ  (twist and turn) และจบลงด้วยความประหลาดใจ ถ้าท่าน

                                      หรือผู้ป่วยต้องการที่จะมีชีวิตอยู่  อยากรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เข้าไปติดตามที่ VOA ได้ ข้อคิดวันนี้
                                      คล้ายกับว่า ถ้าผู้ป่วยขาดก�าลังใจ  ได้ชี้แนะเป็นประจักษ์ และอยากให้ท่านผู้อ่านที่รัก น�าไปปรับใช้

                                      และถอดใจ (give up) ต่อสู้กับ (apply) เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง
                                      โรคร้ายนี้ และเตรียมตัวที่จะตาย
                                      ก็จะท�าให้การรักษาไม่ได้ผลเต็มที่

                                      ผู้แต่งใช้ค�าเปรียบเปรยที่ว่า ....
            to count the carriages at the funeral (สมัยนั้น ยังใช้รถ

            มาลากเป็นขบวน ของการแห่ศพไปที่ฝังศพหรือสุสาน) และต่อด้วย
            ประโยคที่ว่า “I take away fifty percent from the curative
            power of medicines.” คือเป็นการให้ความเห็นว่า ยารักษาโรค

            ทางวิทยาศาสตร์นั้น จะมีประสิทธิภาพลดลงไปครึ่งหนึ่ง ถ้าคนไข้
            ขาดก�าลังใจไม่ต่อสู้กับโรคนี้ด้วยตัวเอง



                                               ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๒ เล่มที่  ๑๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๓  หน้า ๑๔
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22