Page 12 - ข่าวสารแพทย์นาวี ฉบับเดือน กันยายน ๒๕๖๕
P. 12
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
การให้บริการทันตกรรมในหน่วยเรือ
โดย...ศูนย์ทันตกรรม กรมแพทย์ทหารเรือ
ต่อจากฉบับที่แล้ว
เริมในช่องปาก (Recurrent herpetic gingivostomatitis หรือ Common fever blisters) เกิดจากการติดเชื้อ Herpes
simplex virus Type I แบบ Recurrent phase แต่อาจพบเป็น Primary phase ก็ได้ พบได้ทั้งในและนอกช่องปาก อาการเริ่มเป็น
ตุ่มใสแล้วเปลี่ยนสีเป็นเหลือง พอตุ่มใสแตกออกจะกลายเป็นแผลตื้นๆ เจ็บปวด มักพบเป็นกลุ่มหลายๆ ตุ่มอยู่ด้วยกัน มีอาการบวม
และปวดแสบ โดยเฉพาะที่เหงือกจะมีบวมแดง ปวดแสบมาก ผู้ป่วยอาจมีต่อมน�้าเหลืองโต มีไข้และไม่สบาย โดยปกติจะหายเอง
ภายใน ๑๐ - ๑๔ วัน
การรักษาฉุกเฉินจะเป็นการบรรเทาอาการเจ็บปวดและป้องกัน Secondary infection ร่วมกับการบ�ารุงสุขภาพ ในรายที่
เจ็บปวดมากให้รับประทานยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะจะให้เฉพาะแต่ในรายที่มีอาการมาก เพื่อป้องกัน Secondary infection ให้ผู้ป่วย
บ้วนปากด้วยน�้ายาบ้วนปากที่ผสมยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ห้ามใช้ Corticosteroids เช่น Topical steroid ทาแผล เพราะอาจท�าให้
อาการลุกลามไปที่อื่นๆ เมื่อผู้ป่วยบ้วนน�้ายาที่ผสมยาชาอาจมีผลท�าให้ Gag reflex ลดลง ควรระวังการส�าลักเข้าไปในหลอดลม
ขณะที่รับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่ม แนะน�าให้ผู้ป่วยดื่มน�้ามากๆ รับประทานอาหารจ�าพวกโปรตีน ให้ไวตามินและเกลือแร่เสริม
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร้อนๆ รสจัด อาหารเหนียวหรือมีลักษณะหยาบ งดสูบบุหรี่ ดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
รักษาความสะอาดช่องปากอย่างดียิ่ง และพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่เป็นแผล แล้วไปจับส่วนอื่นของร่างกายโดยเฉพาะ
ตาและอวัยวะเพศ เพราะจะท�าให้เกิดการติดเชื้อที่อวัยวะนั้นๆ ได้ ป้องกันการติดเชื้อไปสู่ผู้อื่นโดยงดเว้นการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
แผลร้อนใน (Recurrent apthous stomatitis, RAS) ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด บ้างว่าเป็นผลของภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ต่อปัจจัยบางอย่าง บ้างว่าเป็นปฏิกริยาภูมิไวเกินต่อแบคทีเรียในช่องปาก (Delayed hypersensivity ต่อ Streptococcus
sanguis) บ้างก็ว่าเป็นการสร้างภูมิต้านต่อตนเอง (Autoimmune reaction) ผู้ที่พบเป็นๆ หายๆ บ่อยครั้งควรได้รับการตรวจกรอง
ค้นหาโรคทางระบบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ซีด (Anemia) เบาหวาน (Diabetes millitus) Inflammatory bowel disease หรือได้รับ
ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppression) ปัจจัยเสริมที่ท�าให้เกิดแผลร้อนในได้แก่ ความเครียด อาการบาดเจ็บจากการเคี้ยว ถูกกระแทก
อาการแพ้ มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยสารกลูเทน (Gluten) ซึ่งมีมากในพวก
ธัญญพืช
แผลที่พบมีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มากกว่า ๕ มม. ขึ้นไปหรืออยู่เป็นกลุ่มแผลเล็กๆ ลักษณะแผลตื้นปกคลุม
ด้วยแผ่นเยื่อสีขาวเทามีขอบแดงล้อมรอบ ผู้ป่วยมีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก มักเกิดบริเวณเนื้อเยื่อที่ขยับเขยื้อนได้ เช่น ลิ้น
กระพุ้งแก้ม เยื่อบุด้านในของริมฝีปาก
การรักษาจะเป็นไปตามลักษณะอาการทางคลินิกของผู้ป่วย ถ้าเป็นแผลขนาดเล็ก แผลจะหายเองภาย ใน ๑๐ – ๑๔ วัน
ถ้ามีอาการปวดแสบมากให้ทาแผลด้วย Topical corticosteroids เช่น Kenalog Orabase 0.1% วันละ ๒ - ๓ ครั้งต่อวัน ใช้ผ้าก๊อซ
ซับแผลให้แห้งก่อนทายา หรือใช้วาสลีน (Petroleum jelly) ทาปิดบนแผลก่อนและหลังรับประทานอาหารและก่อนนอน
ในรายที่มีอาการรุนแรงเจ็บปวดมาก ให้รับประทานยาแก้ปวด
ในรายที่เป็นแผลใหญ่หายช้า ซึ่งอาจนานเป็นเดือนได้ ให้อมบ้วนปากด้วยน�้ายาที่ผสมยาปฏิชีวนะร่วมด้วย เช่น Tetracycline
hydrochloride solution แนะน�าผู้ป่วยให้รับประทานอาหารรสอ่อน หลีกเลี่ยงอาหารร้อนๆ รสจัด อาหารเหนียวหรือหยาบ
หน้า ๑๐ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๔ เล่มที่ ๙ เดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๖๕

