Page 15 - ข่าวสารแพทย์นาวี ฉบับเดือน กันยายน ๒๕๖๕
P. 15

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter



                  อาการและอาการแสดง
                        ระยะฟักตัว ๕ - ๒๑ วัน การติดเชื้อแบ่งได้ ๒ ระยะ

                          • ระยะก่อนออกผื่น (๐ - ๕ วัน) มีอาการไข้, ปวดศีรษะ, ต่อมน�้าเหลืองโต, ปวดหลัง, ปวดเมื่อกล้ามเนื้อและ
           อ่อนเพลียมาก ต่อมน�้าเหลืองโตเป็นลักษณะเด่นของโรคฝีดาษวานร ซึ่งแตกต่างจาก สุกใสและฝีดาษ
                          •  ระยะออกผื่น  เริ่มออกใน ๑ -  ๓ วัน หลังมีไข้ ตุ่มผื่นมักหนาแน่นที่ใบหน้า แขนขา มากกว่าล�าตัว ดังแสดงใน

           ภาพที่ ๑ ผื่นที่ใบหน้า (ร้อยละ ๙๕) ฝ่ามือฝ่าเท้า (ร้อยละ ๗๕)  เยื่อบุช่องปาก (ร้อยละ ๗๐) อวัยวะเพศ (ร้อยละ ๓๐) เยื่อบุตา
           (ร้อยละ ๒๐) ลักษณะผื่นจะเริ่มจากผื่นราบ เปลี่ยนเป็นผื่นนูน ถุงน�้า ตุ่มหนอง ลักษณะเด่นคือผื่นทุกจุดจะอยู่ในระยะเดียวกัน

           พร้อมกันทั้งหมด และตกสะเก็ดแห้งสีด�าพร้อมกัน ใช้ระยะเวลา ๑๔ - ๒๘ วัน กว่าผื่นจะตกสะเก็ดและแห้งหลุดลอกไปเอง
                  มีการบันทึกข้อมูลเพื่อศึกษาลักษณะของผื่นจากผู้ที่เคยได้/ไม่ได้รับวัคซีนฝีดาษ พบว่ากลุ่มที่เคยได้รับวัคซีนไม่เกิน ๒๐ ปี
           ก่อนมีอาการป่วย จะมีจ�านวนผื่นน้อยกว่า ขนาดเล็กกว่าผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน

                  การวินิจฉัยโรค
                  วิธีการวิเคราะห์ Polymerase chain reaction (PCR) จากตัวอย่างที่เป็นรอยโรคผิวหนัง เช่น เปลือกหรือของเหลว

           จากถุงน�้าและตุ่มหนอง สะเก็ดแห้ง การตัดชิ้นเนื้อ เป็นต้น ประกอบกับการเก็บสิ่งส่งตรวจและน�าส่งอย่างถูกต้อง ด้วยการตรวจ
           วิธี PCR นี้ จะมีความไวสูงสุด (Highly sensitivity) วิธีการตรวจจากเลือด เช่น การตรวจหา Anti-Orthopoxvirus IgG/IgM ไม่มี
           ความจ�าเพาะต่อเชื้อ Monkeypox อาจเป็นการตรวจพบเชื้อฝีดาษหรือเป็นผลจากการได้รับวัคซีนฝีดาษ

           การระบาดออกในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก
                  ในเขตแอฟริกา มีการรวบรวมข้อมูลผู้ติดเชื้อปี พ.ศ.๒๕๔๘ - ๒๕๕๐ ด้วยการท�า Active surveillance พบว่าฝีดาษวานร

           สามารถพบได้ตลอดทั้งปี ไม่สัมพันธ์กับฤดูกาลหรือช่วงเวลา และพบความชุกของโรคสูงในเขตชายขอบของป่าขนาดใหญ่ ผู้ติดเชื้อ
           ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุเฉลี่ย ๑๐ ปี (เนื่องจากหยุดการรณรงค์วัคซีนฝีดาษในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ที่ WHO ประกาศว่าก�าจัดฝีดาษ
           ได้หมดสิ้น) ผู้ติดเชื้อ ร้อยละ ๙๒.๑ เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนฝีดาษ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนฝีดาษมีการติดเชื้อสูงกว่า

           กลุ่มที่ได้วัคซีน ๕.๒๑ เท่า อย่างมีนัยส�าคัญ  ยิ่งนานวันอุบัติการณ์ของฝีดาษวานรยิ่งสูงขึ้นซึ่งเกี่ยวเนื่องกับระดับ Herd Immunity
           ของวัคซีนฝีดาษในประชากรที่ลดลงจากการหยุดรณรงค์การฉีดวัคซีนฝีดาษ

                  ในสาธารณรัฐคองโกพื้นที่มีความชุกของฝีดาษวานรสูงที่สุด พบผู้ป่วยอายุตั้งแต่ ๔ - ๒๑ ปี อัตราป่วยตายเป็น ร้อยละ ๘.๗
           หากคิดแยกเขตเป็นแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ  โดยแอฟริกากลาง
           มีอัตราป่วยตายสูงกว่าแอฟริกาตะวันตก แอฟริกากลางอัตราป่วยตาย ร้อยละ 10.6 (95% CI ; 8.4% - 13.3%) และแอฟริกา

           ตะวันตก อัตราป่วยตาย ร้อยละ ๓.๖ (95% CI : 1.7% - 6.8%)
           การระบาดออกจากนอกเขตแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ในปี พ.ศ.๒๕๖๕

                  - สเปน พบตั้งแต่ช่วงปลายเมษายน ร้อยละ ๙๙ เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย ๓๕ ปี (IQR: 12 ; range 18 - 67) ซึ่งพบ
           ผื่นฝีดาษวานรรอบทวารหนักและอวัยสืบพันธุ์ ร้อยละ ๗๒.๑ ร่วมกับต่อมน�้าเหลืองโต ร้อยละ ๖๑.๒ ช่วงเวลา ๕ สัปดาห์ มีผู้ป่วย
           ๕๐๘ ราย ระบุคลัสเตอร์ ๔๕ คลัสเตอร์ ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ เช่น การใช้แอพพลิเคชั่นหาคู่ ร้อยละ ๕๖.๙

           เหตุการณ์ส�าคัญที่เกี่ยวข้องกับการระบาดเป็นคลัสเตอร์ เช่น การใช้ห้องอาบน�้า (sauna) แห่งเดียวกันในมาดริด ซึ่งห้องอาบน�้า
           แห่งนี้ภายหลังทางการสาธารณสุขได้สั่งปิดไป ช่วงเวลาถัดมาพบว่าเกี่ยวข้องกับงานสังสรรค์ของกลุ่มชายรักชายใน Gran

           Canaria จ�านวน ๗๓ ราย (ร้อยละ ๑๔.๔.) ที่มีผู้ร่วมงาน ๒๕,๐๐๐ - ๓๐,๐๐๐ คน ทั้งในและนอกประเทศ ช่วงวันที่ ๕ - ๑๕
           พฤษภาคม
                  - สหรัฐอเมริกา เมื่อ ๔ พฤษภาคม พบผู้ป่วย ๑๗ ราย เป็นกลุ่มชายรักชาย (MSM) ถึง ๑๖ ราย

                  - สหราชอาณาจักร เมื่อ ๗ พฤษภาคม พบผู้ป่วย ๑ ราย เป็นนักท่องเที่ยวกลับจากประเทศไนจีเรีย และยังพบเคส
           คลัสเตอร์อีก ๒ คลัสเตอร์ต่อมาอีก ๒ ราย และ ๔ ราย ส�าหรับคลัสเตอร์ ๔ รายสุดท้าย พบว่าเป็นกลุ่มชายรักชาย





                                              ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๔ เล่มที่  ๙  เดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๖๕  หน้า ๑๓
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20