Page 18 - ข่าวสารแพทย์นาวี ฉบับเดือน กันยายน ๒๕๖๕
P. 18
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
Diabetes Federation (IDF) ท�าการกลืนน�้าตาล ๗๕ กรัม เมื่อพบค่าผิดปกติ ๑/๓ (๙๒, ๑๘๐, ๑๕๓) ถ้า FBS ๙๒ - ๑๒๖ มก./ดล.
ให้การวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ถ้า < ๙๒ ให้ท�าการตรวจ 75g OGTT ซ�้าที่ ๒๔ - ๒๘ สัปดาห์ (ระดับ HbA1c
ไม่สามารถน�ามาใช้ในการวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้)
ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงต�่าไม่ต้องตรวจหาเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เช่น อายุ < ๒๕ ปี น�้าหนักก่อนการตั้งครรภ์ปกติ
ไม่มีประวัติเบาหวานในครอบครัว ไม่เคยมีประวัติการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคเบาหวาน
- ควบคุมระดับน�้าตาลในเลือดได้ยากขึ้น อาจเกิดได้ทั้งภาวะน�้าตาลต�่าและน�้าตาลสูง โดยภาวะน�้าตาลต�่ามักเกิดในช่วง
ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากการแพ้ท้อง ทารกในครรภ์ใช้น�้าตาลจากมารดาตลอดเวลา นอกจากนี้กระบวนการผลิต
น�้าตาลของมารดาก็ลดลง, ส่วนภาวะน�้าตาลสูงโดยเฉพาะช่วงหลังมื้ออาหาร มักเกิดในช่วงไตรมาสที่สองเป็นต้นไป จากการที่มี
การเพิ่มระดับฮอร์โมนที่ช่วยผลิตน�้าตาลในร่างกาย ท�าให้ความต้องการอินซูลินเพิ่มขึ้นและการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนลดลง
- ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอยู่เดิมและมีเบาหวานขึ้นจอประสาทตาอยู่แล้วอาจท�าให้ภาวะนี้แย่ลง ดังนั้นควรได้รับ
การดูแลจากจักษุแพทย์อย่างใกล้ชิด ควรตรวจหาเบาหวานขึ้นตาก่อนการตั้งครรภ์และรักษาให้ดีขึ้นก่อนตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยเบาหวานที่ยังไม่พบการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ การตั้งครรภ์อาจท�าให้พบการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ
มากขึ้นในช่วงไตรมาสที่สาม ผู้ป่วยที่มีเบาหวานลงไตอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง เพิ่มอัตราการ
ผ่าท้องคลอด การคลอดก่อนก�าหนดหรือทารกตัวเล็ก คุณแม่ที่มีค่าไต (serum Cr >3 mg/dL) ไม่แนะน�าให้ตั้งครรภ์
คุณแม่ที่เป็นเบาหวาน ก่อนตั้งครรภ์ควรมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
- รับประทาน folic acid 400 ug/day ในช่วง ๓ เดือนก่อนวางแผนตั้งครรภ์จนถึงอายุครรภ์ ๔ เดือน เพื่อการพัฒนา
ระบบประสาทและสมองของทารก หยุดดื่มเหล้าและสูบบุหรี่
- ถ้าคุณแม่เป็นเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์ควรควบคุมระดับน�้าตาลในเลือดให้ดีก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย ๓ เดือน
โดยค่า HbA1C ควร ≤ ๗ พบว่าการควบคุมน�้าตาลสามารถลดความผิดปกติของทารกในครรภ์ลงจากร้อยละ ๕
เหลือร้อยละ ๑.๘
- ถ้าใช้ยาเม็ดลดระดับน�้าตาลอยู่ให้เปลี่ยนเป็นฉีดอินซูลินแทนก่อนที่จะปล่อยให้ตั้งครรภ์ รวมทั้งรักษาภาวะที่พบ
ร่วมด้วย เช่น รักษาความดันโลหิตสูงโดยเปลี่ยนเป็นยาที่ปลอดภัยส�าหรับคุณแม่
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานควรมีการตรวจระดับน�้าตาลปลายนิ้วก่อนอาหารและหลังอาหารทุกมื้อ รวมทั้งก่อนนอน
ค่าที่เหมาะสม คือ ก่อนอาหารน้อยกว่า ๙๕ หลังอาหาร ๒ ชม.น้อยกว่า ๑๒๐ ถ้าผู้ป่วยมีระดับน�้าตาลในเลือดสูงมาก
คือ ระดับน�้าตาลขณะอดอาหาร ๘ ชม ≥ ๑๐๕ มก./ดล. หรือระดับระดับน�้าตาลขณะไม่ได้อดอาหาร ≥ ๒๐๐ มก./ดล.
ควรได้รับการฉีดอินซูลินตั้งแต่เริ่มแรก (ยาเม็ดเบาหวานไม่ควรใช้ระหว่างตั้งครรภ์) นอกจากนี้ควรควบคุมความดันโลหิต
ให้ต�่ากว่า ๑๒๐/๘๐ - ๑๓๕/๘๕ มม.ปรอท. ออกก�าลังกายเบาๆ เช่น นั่งแกว่งแขนหลังรับประทานอาหารมื้อละ ๑๐ นาที
เดินวันละ ๒๐ นาที ปั่นจักรยานอยู่กับที่ ออกก�าลังกายในน�้า ออกก�าลังกายแบบยืดเหยียด
หลังคลอด ๖ สัปดาห์ ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจติดตามเบาหวาน ด้วยการกลืนน�้าตาล ๗๕ กรัม หลังอดอาหาร ๘ ชม.
ถ้าเกิน ๑๔๐ - ๑๙๙ มก./ดล. เป็นกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาหารและออกก�าลังกาย ถ้าผลปกติ
(<๑๔๐ มก./ดล.) ยังควรตรวจติดตามปีละครั้งต่อไปตลอดชีวิต และคุมอาหาร ออกก�าลังกาย ถ้าหลังการกลืนน�้าตาล ๗๕ กรัม
ระดับพลาสมากลูโคสมีค่าเกิน ๒๐๐ มก./ดล. วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ ๒ ซึ่งต้องพบแพทย์เพื่อการรักษาโรคเบาหวาน
ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการให้นมบุตร
ท่านสามารถเข้าชมคลิปได้ตามลิงค์นี้ https://www.youtube.com/watch?v=WdFZjQpUaKs
หน้า ๑๖ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๔ เล่มที่ ๙ เดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๖๕

