Page 26 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน มกราคม ๒๕๖๖
P. 26
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
“ฟันน�้ำนมนั้นส�ำคัญไฉน”
นาวาตรีหญิง ปิ่นขวัญ ปัดไธสง
“แค่ฟันน�้านมเอง ไม่ต้องท�าอะไรก็ได้ เดี๋ยวรอฟันแท้ขึ้น” เป็นประโยคที่หลายคนคงคุ้นชินกันอยู่บ่อยๆ ถ้าฟันน�้านมเอง
เถียงได้ คงโวยวายใส่ผู้พูดว่าไม่จริงๆ และรีบเล่าบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับนายน้อยของพวกเค้า บ่อยครั้งที่เด็กน้อยต้อง
ทุกข์ทรมานจากอาการปวดฟันน�้านมก่อนที่ฟันน�้านมซี่นั้นจะได้ทันหลุดไปเสียอีก และท้ายที่สุดก็ต้องลงเอยด้วยการถอน
ฟันน�้านมซี่นั้นไป บางคนมีอาการรุนแรงจากการติดเชื้อท�าให้บวมลุกลามถึงอวัยวะอื่น เช่น ใบหน้า ดวงตา จนถึงขั้นต้องเข้ารักษา
ในโรงพยาบาล ท�าให้เด็กขลาดกลัวอย่างฝังใจ เกิดทัศนคติที่ไม่ดี และต่อต้านการท�าฟัน ซึ่งเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ที่ผู้ปกครอง
และหมอฟันต้องประสบอีกเป็นระยะเวลานาน
รูปภาพที่ ๑ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อ�านวยการโรงพยาบาลสิชล โพสต์เฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ถึงเรื่องราวที่เด็กคนหนึ่ง
ฟันผุและมีอาการติดเชื้อรุนแรง หนองขึ้นตาหวิดบอด
ก�าเนิดและอายุของฟันน�้านม
สุขภาพของมารดาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ทั้งด้านการได้รับสารอาหาร หรือภาวะการเจ็บป่วย ล้วนมีผลต่อการสร้างฟันน�้านม
และมีผลต่อคุณภาพของฟันน�้านมทั้งสิ้น ส่วนค�ากล่าวที่ว่า “แม่จะฟันผุง่ายตอนท้อง เพราะลูกแย่งแคลเซียมจากฟันไป”
ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน โดยทั่วไป ฟันของคนเราเมื่อขึ้นมาในช่องปากแล้ว จะไม่มีการแบ่งแคลเซียม
ออกไปใช้ในส่วนต่างๆ ได้อีก การที่มีฟันผุขณะตั้งครรภ์มักเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานจุบจิบของมารดาเอง การคลื่นไส้
อาเจียนง่ายแม้แต่ตอนแปรงฟัน ท�าให้ไม่อยากแปรงฟัน ด้วยหลายๆ ปัจจัยนี้น�าไปสู่การเกิดฟันผุของมารดาได้ เมื่อทารก
คลอดออกมา ฟันน�้านมซี่แรกที่ขึ้นในช่องปากมักจะขึ้นช่วงอายุ ๖ เดือน และทยอยขึ้นจนครบ ๒๐ ซี่เมื่ออายุ ๒.๕ - ๓ ปี
ฟันน�้านมจะอยู่ในช่องปากเด็กได้ถึง ๑๒ - ๑๓ ปี เรียกว่าอยู่จนถึงช่วงเป็นวัยรุ่นกันทีเดียว จากประสบการณ์ของผู้เขียน
ผู้ปกครองหลายท่านไม่ทราบในเรื่องนี้ จึงให้ความส�าคัญกับฟันน�้านมน้อยเหลือเกิน ส่งผลกระทบต่อการดูแลสุขภาพอนามัย
ช่องปากของเด็ก และเกิดผลเสียต่อมาอีกระยะยาวโดยที่ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขหรือเริ่มต้นใหม่
ความส�าคัญของฟันน�้านม
๑. บดเคี้ยวอาหาร ฟันมีหน้าที่ เคี้ยว กัด ตัด ฉีก อาหาร แต่ถ้าฟันผุ จะมีผลท�าให้ประสิทธิภาพการท�างานลดลง
นอกจากนั้นอาจท�าให้มีอาการ เสียว ปวด และเจ็บขณะเคี้ยว ซึ่งเด็กต้องใช้ฟันกรามน�้านม บดเคี้ยวอาหารไปจนอายุถึง
๑๐ - ๑๒ ปี หากเคี้ยวแล้วเจ็บ เด็กจะเลี่ยงการเคี้ยวหรือใช้ฟันซี่นั้นน้อยลง ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ผลของ
การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดยังท�าให้เกิดอาการท้องอืด อาหารย่อยยาก ไม่สบายตัว หากเด็กเกิดภาวะเหล่านี้ต่อเนื่องในเด็กที่
ก�าลังเจริญเติบโต จะเกิดภาวะการขาดสารอาหาร เติบโตช้า น�้าหนักและส่วนสูงตกเกณฑ์ ไม่มีสารอาหารเพียงพอไปเสริมสร้าง
หน้า ๑๔ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๕ เล่มที่ ๑ เดือน มกราคม พ.ศ.๒๕๖๖

