Page 16 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน พฤศจิกายน ๒๕๖๖
P. 16
ข่าวสารแพทย์นาวี : Naval Medical Newsletter
Little
US. BY พี่แซม ศิษฏ์ชายชล สุทธิพงศ์ MBA RN
ปลูกฝังสายใย (cultivating connection) : พลังแห่ง ขาดแคลนอาหาร (food shortage) ขึ้น แต่ในสวนผักชุมชน
สวนผักชุมชน (community gardens) เป็นศูนย์กลางของ ตอบโจทย์นี้ (solution) ได้โดยมีการรักษาผืนดิน ผลิตผัก
ความงอกเงยให้ชีวิตมีคุณค่า นั่นคือสวนผักชุมชน เป็นส่วนแขนง ชุ่มช�่า ผลไม้ แบบอินทรีย์ (organic food) โดยตนเอง อีกทั้งยังส่งผล
แหล่งสีเขียว น�าเข้าสู่ความร่วมมือในชุมชนเมืองมาใช้ในพื้นที่ ผืนดิน ในการลดสภาวะโลกร้อนได้อีก คือมีแหล่งใบพืชสีเขียว ดูดซับ
เพื่อประโยชน์ที่มีมากกว่าพืชผักผลไม้ที่ปลูก แต่มันเป็นการปลูกฝัง คาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ ลดแหล่งก�าเนิดก๊าซมีเทน (carbon
พื้นฐาน รากฐานของความเข้มแข็งของชุมชน แห่งการมีชีวิตที่ยั่งยืน footprint) รวมไปถึงเรื่องของการขนส่งผลผลิตพืชผักจาก
ในประโยชน์อื่นๆ อีกมาก จึงน�ามาสู่หัวข้อที่น่าสนใจในฉบับนี้ แหล่งผลิตที่ไกลจากชุมชน (long distances) เพิ่มค่าใช้จ่ายที่ต้อง
ท�าไมสวนผักชุมชนจึงมีความจ�าเป็น มันคืออะไรกัน ด�าเนินการ ถูกบวกเพิ่มเข้าในราคาขายผลผลิต
อย่างไร ช่วยอะไรเราได้ในอนาคต มีการพัฒนาทักษะ (skill development) การเรียนรู้
จากการกระท�าด้วยตนเอง (learning by doing) สวนผักชุมชน
เปิดโอกาสให้คนในชุมชนทุกเพศ ทุกวัย มาเรียนรู้ การท�าสวนครัว
สวนผลไม้ การท�าการเกษตรที่ยังยืน ไปสู่ลูกหลานอีกทั้งยังเพิ่มทักษะ
ตั้งแต่การปลูกพืช จนถึงการเก็บเกี่ยว (harvesting) การท�าปุ๋ย
อินทรีย์ และการอนุรักษ์น�้า (water conservation) ของชุมชน
สวนผักชุมชนคืออะไรกันแน่ จริงๆ แล้ว ก็คือสวนผักผลไม้
ทั่วไป แต่สถานที่หรือพื้นดินที่ใช้นั้น ขนาดเล็กๆ ถูกแบ่งเป็นสัดส่วน
ให้กับสมาชิกในชุมชนนั้นๆ ซึ่งสมาชิกก็มาเก็บเกี่ยวผลผลิตพืชผัก
ผลไม้ที่ตนเองได้ปลูกไว้ในแปลงของตนเอง ซึ่งพื้นที่ดินนั้นปกติ
มักจะเป็นที่ดินของหน่วยงานของรัฐท้องถิ่น (local government)
หรือจากโรงเรียนหรือองค์กรที่ไม่หวังผลก�าไร (nonprofit
organizations) แบ่งปันพื้นที่ดินให้มาจัดการในรูปแบบต่างๆ
ท�าไมถึงต้องเป็นสวนผักชุมชน สายสัมพันธ์ (bonds) เช่น แบ่งเป็นแปลงสัดส่วนเล็กๆ ประมาณ กว้าง ยาว ๘ X ๑๐ ฟุต
ประคับประคองช่วยเหลือระหว่างผู้อยู่อาศัยในชุมชนนั้นๆ
สวนผักชุมชน เป็นหนทางน�าพาให้บุคคลจากหลากหลาย (diverse)
สาขาความรู้ การศึกษาพื้นฐานจาก ป.๔ ถึงมัธยม หรือมหาลัย
มาปฏิสัมพันธ์ (social interaction) กันในชุมชนนั้นๆ เพื่อเกิด
ประโยชน์ส่วนรวม และหล่อหลอม (forging) เพื่อความเข้มแข็ง
ของเพื่อนบ้านใกล้เคียงในชุมชน ได้มีโอกาสมาท�าสวนครัวด้วยกัน
แบบกระทบไหล่ (side by side) สร้างมิตรภาพ (friendships)
ที่ดีซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการแบ่งปันความรู้ความสามารถและ
เสริมสร้างความเป็นเจ้าของของตนเองไปในตัว
เป็นแหล่งอาหารในอนาคตที่ยั่งยืน เนื่องจากความไม่แน่นอน
ของแหล่งอาหารโลก และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติถูกท�าลาย
แบบไม่มีการทดแทน มีประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีโอกาส
หน้า ๑๒ ข่าวสารแพทย์นาวี ปีที่ ๖๕ เล่มที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๖

