Page 18 - ข่าวสารแพทย์นาวีฉบับเดือน กรกฎาคม ๒๕๖๖
P. 18

ข่าวสารแพทย์นาวี  : Naval  Medical  Newsletter




                   - งดหรือลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่ควรดื่มเกิน ๒ ดื่มมาตรฐานต่อวันในผู้ชาย หรือ ๑ ดื่มมาตรฐานต่อวันในผู้หญิง
        โดย ๑ ดื่มมาตรฐานประมาณเท่ากับเบียร์ ๑ แก้วหรือ ๑ กระป๋อง (200 - 300 mL) ไวน์ ๑ แก้วไวน์ (80 - 100 mL) หรือ

        เหล้าสี ๑ เป๊ก (25 - 30 mL)
              ๒. การปรับพฤติกรรมโดยการออกก�าลังกายและลดน�้าหนัก โดยพบว่าการออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอและการลด
        น�้าหนักเพียง ๕ - ๑๐% ของน�้าหนักตัว สามารถลดภาวะไขมันพอกตับได้อย่างมีนัยยะส�าคัญ

              ๓. การใช้ยา

              ที่ผ่านมามีการศึกษาวิจัยเพื่อหายาที่ใช้ในการรักษาภาวะไขมันพอกตับส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ผล ในปัจจุบันยาได้ที่รับการรับรอง
        โดย Food and drug administration (FDA) และมีในประเทศไทยมี ดังนี้
              ๑.  ยาเบาหวาน กลุ่ม Thiazolidinediones  เช่น pioglitazone – เป็นยาที่ท�าหน้าที่ควบคุมการ Metabolism ของน�้าตาล

        และไขมัน รวมถึงควบคุมการอักเสบ

              ๒. วิตามินอี (rrr a-tocopherol) – เป็นวิตามินที่มีหน้าที่ต้านสารอนุมูลอิสระ จากการศึกษาในคนไข้ไขมันพอกตับที่ไม่เป็น
        เบาหวาน พบว่ายากลุ่มนี้สามารถท�าให้ค่าการอักเสบของตับ และผลทางพยาธิวิทยาของภาวะไขมันพอกตับดีขึ้น

              ส�าหรับยาอื่นที่อยู่ในระหว่างการศึกษาและยังไม่ได้รับการรับรองโดย  FDA  ได้แก่  ยาเบาหวาน  กลุ่ม  Glucagon-like
        peptide-1 analogues (GLP-1) เช่น liraglutide, semaglutide เป็นต้น โปรไบโอติก – ภาวะจุลินทรีย์ในล�าไส้ไม่สมดุล หรือ

        Dysbiosis มีสัมพันธ์กับการเกิดไขมันพอกตับ
              ถึงแม้ว่าจะมีการศึกษายาหลายชนิดในผู้ป่วยไขมันพอกตับ  อย่างไรก็ตาม  “การคุมอาหารและการลดนํ้าหนัก”  ยังคงเป็น
        วิธีหลักในการรักษาภาวะไขมันพอกตับในปัจจุบันนะครับ หวังว่าทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีและปลอดภัยจากภาวะไขมันพอกตับครับ




                                                        ไขมันพอกตับ


                                                              (Fatty Liver)


                                                             เนื่องจากตับเปรียบเสมือนแบตเตอรี่สะสม
                                                             พลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นการรับประทาน
                                                             อาหารที่ให้พลังงานสูงมากเกินไป และร่างกาย
                                                             ไม่ได้น�าไปใช้ ท�าให้เกิดการสะสมไขมันที่ตับ
                                                             และอาจส่งผลให้เกิดโรคไขมันพอกตับได้
                                                   สาเหตุของไขมันพอกตับ
                                            สามารถแบงออกเปน ๒ สาเหตุหลัก ได้แก

                           ๑                                       ๒
                                                                           ไมได้เกิดจากแอลกอฮอล์
                                     การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์      (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease)
                                     (Alcoholic Fatty Liver Disease)       แต่เกิดจากร่างกายเกิดการบกพร่อง
                                     ซึ่งปริมาณ และระยะเวลาที่ดื่ม         หรือไม่สามารถน�าพลังงานที่ได้รับมา
                                     แอลกอฮอล์จะส่งผลต่อความรุนแรง         ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โรคอ้วน
                                     ของโรค                                ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
                                                                           เบาหวาน ไวรัสตับอักเสบซี เป็นต้น
                                                                           ส่งผลให้เกิดไขมันพอกตับ













       หน้า ๑๔  ข่าวสารแพทย์นาวี  ปีที่ ๖๕ เล่มที่  ๗  เดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23